ได้รับจัดหมายจาก KTC หลังจากหายไป เกือบ 10 ปี ต้องทำยังไงีค่ะ

ขอสอบถามค่ะ หยุดชำระบัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากทำการซื้อรถยนต์ และเกิดปัญหาเรื่องงานทำให้ไม่สามารถชำระค่าบัตรเครดิตได้ เราหยุดชำระค่าบัตรเครดิตทั้งหมด 7 ใบ

หลังจากนั้นก็มีบัตรต่าง ๆ ติดต่อมาซึ่งเราก็ทำเรื่องขอประนอมหนี้ และปิดไปหมดทั้งสิ้น 5 ใบค่ะ สำหรับ KTC มีติดต่อมา เราแจ้งจ่ายขั้นต่ำ แต่ไม่เคยทำประนอมหนี้ค่ะ จนไม่สามารถชำระไหวจึงหยุดชำระไปเลย

และเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 เราได้รับจดหมายแจ้งจาก KTC ให้ติดต่อเพื่อทำเรื่องชำระ/ประนอมหนี้ หรือเจรจาก่อนส่งดำเนินการทางศาลค่ะ เราได้ทำการติดต่อไปแล้วตามเบอร์ที่ได้แจ้งมา ปรากฏว่าไม่มีใครรับสายเลยค่ะ

ซึ่งจากการตรวจสอบเครดิตบูโรแจ้งว่า บัตรเครดิต วันที่เริ่มมีการผิดนัดชำระ 11/11/53 ยอดที่ต้องชำระ 63,015 บาท และบัตรสินเชื่อ วันที่เริ่มผิดนัดชำระ 4/11/53 ยอดที่ต้องชำระ 49,798 บาท (ข้อมูลเครดิตบูโร 01/11/2017)



รบกวนสอบถามว่า เราควรทำอย่างไรต่อดีค่ะ โทรไปสอบถามเรื่อย ๆ หรือ รอหมายศาลเลย ถ้าหมาย
ศาล ศาลจะมาส่งเองหรือไม่ค่ะ หรือมาทางไปรษณีย์ เพราะเอกสารของ KTC แจ้งหัวเป็น 3/10/2017 แต่ได้รับจดหมาย 31/10/2017

ขอบคุณค่ะ

iamicezy เขียน: ได้รับจัดหมายจาก KTC หลังจากหายไป เกือบ 10 ปี ต้องทำยังไงีค่ะ

อายุความในการฟ้องร้อง คดีแพ่ง (หนี้เงิน)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=813&Itemid=64


“สัญญา นรก”...คืออะไร?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6343&Itemid=64


ข้อเสียของการ "จ่ายหยอด" เพื่อเดินบัญชี
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20

iamicezy เขียน: จากการตรวจสอบเครดิตบูโร แจ้งว่า บัตรเครดิต วันที่เริ่มมีการผิดนัดชำระ 11/11/53 ยอดที่ต้องชำระ 63,015 บาท และบัตรสินเชื่อ วันที่เริ่มผิดนัดชำระ 4/11/53 ยอดที่ต้องชำระ 49,798 บาท (ข้อมูลเครดิตบูโร 01/11/2017)

เกร็ดความรู้เสริมเพิ่มเติม

การที่ลูกหนี้จะเป็น NPL หรือเป็น"หนี้เน่า"ได้นั้น เกิดขึ้นจากการที่ลูกหนี้หยุดจ่ายหนี้เป็นเวลานานติดต่อกันถึง 3เดือน แล้วหลังจากนั้น สถานะของลูกหนี้ดังกล่าว ก็จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นหนี้ NPL ทันที

NPL ย่อมาจากอะไร หมายถึง…
webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:HCgCJcjyY94J:www.xn--12c0ecxsex2q.com/npl/+&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th




ประวัติหนี้เสียในเครดิตบูโรสำหรับลูกหนี้ที่ใช้วิธีหยุดจ่าย
หลังจากที่ลูกหนี้หยุดจ่ายหนี้มานานจนครบ 3เดือนแล้ว ก็จะมีประวัติเป็น"หนี้เสีย"(NPL)อย่างเป็นทางการ...ซึ่งก็หมายความว่าลูกหนี้ได้มีสถานะเป็น Blacklist (บัญชีดำ) ในเครดิตบูโรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ถ้าหากวันใดที่ลูกหนี้ได้ทำการจ่ายปิดบัญชีหนี้จนหมดแล้ว (โดยไม่สนใจว่าลูกหนี้จะจ่ายปิดบัญชีด้วยวิธีการ Haircut หรือด้วยวิธีการใดๆก็ตาม รวมทั้งการขายหนี้เน่าของลูกหนี้ออกไปด้วย) ลูกหนี้ก็จะต้องติด Blacklist อยู่ต่อไปอีกแค่ 3ปี เท่านั้น แล้วหลังจากนั้น ประวัติหนี้เสียที่มีอยู่ในเครดิตบูโร ก็จะถูกลบออกไปจนหมดสิ้น




แถมกฏหมายฉบับใหม่ของเครดิตบูโร ยังเขียนไว้ด้วยอีกว่า ต่อให้ลูกหนี้ไม่จ่ายชำระหนี้คืนเลยก็ตาม และเจ้าหนี้ก็ไม่มีการขายหนี้ออกไปด้วย...ก็กำหนดให้ลูกหนี้ต้องติด"บัญชีดำ"(Blacklist)อยู่ในเครดิตบูโร เพียงแค่ 8ปีเท่านั้น หากเมื่อเกิน 8ปีไปแล้ว ต้องทำการลบล้างประวัคิเสีย(Blacklist)ของลูกหนี้ ออกจากระบบข้อมูลของเครดิตบูโรทันที

*** กำหนดไว้อยู่ใน ข้อ ๑๘ (๒) และ (๓) ของราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๑๘๕ ง ***
debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/CreditBureau.PDF


ผมเคยอธิบายไว้มานานแล้ว อยู่ในกระทู้นี้ครับ

เหมือนเกิดใหม่"ราชกิจจานุเบกษา" ประกาศชัด ล้างประวัติลูกหนี้แบล็คลิสต์ 6 แสนราย
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41892&Itemid=64#58267

ดังนั้น...ใครก็ตามที่ติด Blacklist อยู่ในเครดิตบูโรมานานจนครบ 8ปีแล้ว
ต่อให้ลูกหนี้ไม่จ่ายหนี้ , ไม่ยอม Haircut , ไม่จ่ายหนี้เลย...ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆทั้งสิ้น ก็ตาม

ประวัติ Blacklist (บัญชีดำ) ของลูกหนี้ที่มีอยู่ในเครดิตบูโร ก็จะถูกลบออกไปทันทีตามที่กฎหมายฉบับใหม่ได้บัญญัติเอาไว้


ไม่มีใครเขาติด Blacklist อยู่ในเครดิตบูโรไปจนตลอดชีวิตหรอกครับ ถึงแม้จะไม่จ่ายหนี้เลยก็ตาม


อ้างอิงข้อมูลจาก
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเครดิตบู​โร (Credit Bureau) *** อยู่ในด้านล่างสุดของกระทู้ ***
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=1372&Itemid=64#91954

iamicezy เขียน: เราควรทำอย่างไรต่อดีค่ะ โทรไปสอบถามเรื่อย ๆ หรือ รอหมายศาลเลย ถ้าหมายศาล ศาลจะมาส่งเองหรือไม่ค่ะ หรือมาทางไปรษณีย์ เพราะเอกสารของ KTC แจ้งหัวเป็น 3/10/2017 แต่ได้รับจดหมาย 31/10/2017

หมายศาล...จะถูกส่งไปที่ไหน?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=6974&Itemid=64




ความรู้ต่างๆ

มีอยู่ในนี้หมดแล้ว


www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20






กรุณาไปอ่านก่อนนะครับ

อ่านแล้วค่อยมาถาม
.

ขอขอบคุณ คุณนกกระจอกเทศ และชี้แจ้งดังนี้ค่ะ
1. ข้อกฏหมายเราได้เข้าไปอ่านบ้างแล้วค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าควรโทรกลับไป เพื่อต่อลองทำ H/C เลยดีหรือไม่ เพราะใจเราก็อยากเคลียร์หนี้ไป เพราะเอามาแล้วก็ต้องใช้

2. เราอ่านราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่ด้วยความที่เราไม่ค่อยสันทัดเรื่องกฏหมาย เราจึงไม่แน่ใจว่าเคลียร์ทั้งหมด หรือเฉพาะคนที่หนี้ต่ำ และต่ำคือเท่าไรค่ะ เพราะเท่าที่ไปหาอ่านบางคนก็บอก เฉพาะหนี้ 10,000 เกินกว่านั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิมค่ะ

3. ทราบว่าเกิน 2 ปี 5 ปี จะหมดอายุความค่ะ แต่ก็อ่านแล้วเห็นมีบอกว่าบางธนาคารอาจหัวหมอส่งฟ้องเพราะบางคนอาจไม่รู้ และหากระทู้จากที่อื่นๆอ่าน เค้าแจ้งว่าถ้าเราติดต่อไปสอบถามเรื่องวันเวลาส่งฟ้อง อาจจะไม่ต้องมีหมายมาที่หน้าบ้านแต่จะไปรับหมายที่ศาลได้โดยตรงค่ะ

4. เราอ่านจนข้อมูลตีกันในหัว จนปวดหัวเลยค่ะ เลยต้องมาตั้งกระทู้ถามในนี้ค่ะ

5. ขอถามเพิ่มเติมอีกข้อค่ะ พอดีในเครดิตบูโรของเราที่ทำมามีข้อมูลถึงแค่ ธันวาคา 2558 แต่ไม่มีของปี 2559 มันคืออะไรหรือค่ะ

ขอบคุณค่ะ

iamicezy เขียน: 1. ข้อกฏหมายเราได้เข้าไปอ่านบ้างแล้วค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าควรโทรกลับไป เพื่อต่อลองทำ H/C เลยดีหรือไม่ เพราะใจเราก็อยากเคลียร์หนี้ไป เพราะเอามาแล้วก็ต้องใช้

เอาเลยครับ โทรติดต่อกลับไปหา KTC ได้เลยครับ
บอกมันไปว่า คุณยินดีจ่ายชำระหนี้คืนให้กับมันแบบเต็มยอดทั้งหมด เพราะเอามาแล้วก็ต้องใช้

บัตรเครดิตกรุงไทย หน้าเลือด
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=45557&Itemid=64#97375

iamicezy เขียน: 2. เราอ่านราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่ด้วยความที่เราไม่ค่อยสันทัดเรื่องกฏหมาย เราจึงไม่แน่ใจว่าเคลียร์ทั้งหมด หรือเฉพาะคนที่หนี้ต่ำ และต่ำคือเท่าไรค่ะ เพราะเท่าที่ไปหาอ่านบางคนก็บอก เฉพาะหนี้ 10,000 เกินกว่านั้นก็ยังอยู่เหมือนเดิมค่ะ

มันไม่เกี่ยวหรอกครับ ว่าต้องเคลียร์หนี้ต่ำหนี้หรือสูง , หนี้เกิน 10,000 หรือต่ำกว่าหมื่น
ก็คุณเป็นคนบอกเองนี่ครับว่า เอามาแล้วก็ต้องใช้

iamicezy เขียน: 3. ทราบว่าเกิน 2 ปี 5 ปี จะหมดอายุความค่ะ แต่ก็อ่านแล้วเห็นมีบอกว่าบางธนาคารอาจหัวหมอส่งฟ้องเพราะบางคนอาจไม่รู้ และหากระทู้จากที่อื่นๆอ่าน เค้าแจ้งว่าถ้าเราติดต่อไปสอบถามเรื่องวันเวลาส่งฟ้อง อาจจะไม่ต้องมีหมายมาที่หน้าบ้านแต่จะไปรับหมายที่ศาลได้โดยตรง ค่ะ

เรื่องแบบนี้ ผมเพิ่งจะพิมพ์ตอบไปเมื่อวานนี้เองครับ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=45652&Itemid=64#98099


อ้างอิงมาจาก
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=41372&Itemid=64#52949

iamicezy เขียน: 4. เราอ่านจนข้อมูลตีกันในหัว จนปวดหัวเลยค่ะ เลยต้องมาตั้งกระทู้ถามในนี้ค่ะ

ถามมาได้เลยครับ ถ้าว่างผมก็จะมาตอบ...แต่ถ้าไม่ว่างผมก็ไม่ตอบ

iamicezy เขียน: 5. ขอถามเพิ่มเติมอีกข้อค่ะ พอดีในเครดิตบูโรของเราที่ทำมามีข้อมูลถึงแค่ ธันวาคา 2558 แต่ไม่มีของปี 2559 มันคืออะไรหรือค่ะ

มันก็เขียนเอาไว้อยู่ในราชกิจจานุเบกษา อย่างชัดเจนแล้วนี่ครับ
debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/CreditBureau.PDF


หมวด ๓ การส่งข้อมูลของสมาชิก

ข้อ ๙ ในกรณีที่มีการผิดนัดชําระหนี้ สินเชื่อ ให้สมาชิกส่งข้อมูลของลูกค้าต่อไปเป็นเวลาห้าปี โดยให้เริ่มนับระยะเวลาห้าปีในวันถัดจากวันที่ลูกค้าของสมาชิกผิดนัดชําระหนี้ครบเก้าสิบวัน ทั้งนี้ หากการส่งข้อมูลเครดิตในงวดสุดท้ายเกินกําหนดเวลาห้าปี ให้ถือว่าการส่งข้อมูลในงวดก่อนงวดดังกล่าวเป็นการส่งข้อมูลเป็นเวลาห้าปีตามที่กําหนดแล้ว

หมายความว่า : เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้(จนติดเป็น Blacklist แล้ว) เจ้าหนี้สามารถส่งข้อมูลที่เป็น Blacklist นี้ ให้กับเครดิตบูโรได้ไม่เกิน 5ปี เท่านั้น

คุณได้ผิดนัดชำระหนี้(ติด Blacklist)ทั้งสองบัญชี ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ดังนั้น พอผ่านไปอีก 5ปี ตามกฎหมายใน ข้อ ๙ นี้ ก็บังคับให้หยุดส่งข้อมูลให้กับเครดิตบูโรทันที

พ.ศ. 2553 + ไปอีก 5ปี ก็จะ = ปี พ.ศ. 2558 ยังไงล่ะครับ


หมวด ๑ อายุข้อมูลในการประมวลผล

ข้อ ๓ อายุของข้อมูลในการประมวลผลของบริษัทข้อมูลเครดิต ผู้ควบคุมข้อมูลเครดิตหรือผู้ประมวลผลข้อมูล ให้มีกําหนดไม่เกินสามปีนับแต่วันที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับข้อมูลจากสมาชิกหรือจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

หมายความว่า : ให้ทำการเก็บข้อมูลของลูกหนี้ไว้ที่เครดิตบูโรได้ไม่เกิน 3 ปี...นับตั้งแต่วันที่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชีจากลูกหนี้เข้ามาใหม่


บทเฉพาะกาล

ข้อ ๑๘ เมื่อประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ข้อมูลของลูกค้าที่ผิดนัดชําระหนี้ซึ่งสมาชิกได้นําส่งให้บริษัทข้อมูลเครดิต และบริษัทข้อมูลเครดิตได้ทําการประมวลผลอยู่ก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้สมาชิกและบรษิัทข้อมูลเครดิตดําเนินการ ดังนี้

(๑) กรณีที่ข้อมูลของลูกค้าที่สมาชิกได้ส่งไว้นั้นล่วงพ้นระยะเวลาที่ต้องส่งตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง ให้สมาชิกหยุดส่งข้อมูลดังกล่าว

(๒) กรณีที่ข้อมูลของลูกค้าที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของบริษัทข้อมูลเครดิตมีอายุของข้อมูล เกินกว่าแปดปีนับแต่วันที่ลูกค้าผิดนัดชําระหนี้เกินเก้าสิบวัน ให้บริษัทข้อมูลเครดิตหยุดการประมวลผลข้อมูลดังกล่าว

(๓) กรณีที่ข้อมูลของลูกค้าที่สมาชิกส่งล่วงพ้นระยะเวลาที่ต้องส่งตามข้อ ๙ วรรคหนึ่งแล้ว แต่อายุของข้อมูลยังไม่ครบแปดปีนับแต่วันที่ลูกค้าผิดนัดชําระหนี้เกินเก้าสิบวัน ให้บริษัทข้อมูลเครดิต ดําเนินการประมวลผลได้ไม่เกินแปดปี

หมายความว่า : เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้แล้ว(เบี้ยวหนี้จนติดเป็น Blacklist แล้ว)
ให้เก็บข้อมูลของลูกหนี้ที่ติด Blacklist นี้ ไว้อยู่ในเครดิตบูโรได้แค่ 5ปี...แล้วหลังจากนั้น ก็ให้แสดงรายงานข้อมูลนี้ โชว์โด่เด่ทิ้งไว้ในเครดิตบูโรต่อไปอีกแค่ 3ปี...หากลูกหนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชีเข้ามาใหม่

และเมื่อครบ 8ปีแล้ว ก็บังคับให้เครดิตบูโร ต้องลบรายงาน Blacklist ของลูกหนี้ ออกไปจากเครดิตบูโร ในทันที

เก็บข้อมูล Blacklist ไว้ 5ปี + 3ปี...จึงเท่ากับ 8ปี ยังไงล่ะครับ


สรุป : คุณติด Blacklist ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2553
คุณจะหลุดจาก Blacklist นี้ได้ ในเดือน ธันวาคม 2561 ครับ

พ.ศ. 2553 + 8ปี = พ.ศ. 2561


แต่ถ้าคุณไปจ่ายหนี้คืนให้กับ KTC ภายในปีนี้ (ปี พ.ศ. 2560)
คุณจะต้องติด Blacklist ต่อไปอีก 3ปี...ตามใน หมวด ๑ ข้อ ๓
นั่นก็หมายความว่า คุณจะหลุดจาก Blacklist นี้ได้ ในปลายปี พ.ศ. 2563 แทนครับ

พ.ศ. 2560 + 3ปี = พ.ศ. 2563


หมวด ๑ ข้อ ๓ มันเขียนเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้ว

เข้าใจหรือยังครับ?
.

ชัดเจนมากครับ