หยุดจ่ายยูเมะงวดแรก !!!

สวัสดีค่ะ ขอปรึกษาเรื่องยูเมะหน่อยค่ะ เราเป็นหนี้บัตรยูเมะยอดอยู่ที่ 75,000 บาท จ่ายขั้นต่ำมาตลอดค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มหมุนจ่ายไม่ไหวแล้ว เดือนนี้เป็นเดือนแรกค่ะที่หยุด มีเจ้าหน้าที่โทรมาทุกวัน เช้า สาย บ่าย เย็น เลยค่ะ โทรจิกมากอ่ะ พอเราไม่รับก็โทรเข้าที่ทำงาน ล่าสุดโทรหาแม่ค่ะ นี่แค่เดือนแรกนะคะเลยวันจ่ายมา 2 อาทิตย์ โทรกระหน่ำมาก เครียดมากค่ะ ไม่รู้จะทำไงดี เจ้าหน้าที่แจ้งให้จ่ายยอดขั้นต่ำก่อนเพื่อรักษาบัญชียอด 1,900 บาทจากยอดจริงที่ต้องจ่าย 2,300 บาท แต่เราก็บอกไปนะคะว่าเราไม่มี หาไม่ทันจริง ๆ แต่ก็ยังรบเร้า พูดหว่านล้อมให้เราหามาจ่ายให้ได้เพื่อที่จะได้รักษาบัญชีไว้ พอมีใครให้คำปรึกษาได้บ้างมั้ยคะ เครียดมาก

อัพเดตนะคะ 13/07/60 ยูเมะโทรตามค่างวดอีกค่ะ ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่สะดวกรับสายเวลาทำงานและแจ้งเวลาในการติดต่อไว้แล้ว แต่ก็ไม่ฟังค่ะโทรมาอยู่นั่นแหละ แจ้งยังไงวันนี้ก็ต้องชำระนะคะเลยวันนี้ไปไม่ได้แล้วค่ะ เราก็พยายามบอกไปว่ายังไม่มีจะพยายามหาให้ ไม่ฟังเลยค่ะ พูดมาเป็นสคริปเลย เราเลยวางหูไปเลย เครียดจริง ๆ เลยค่ะ ไม่เป็นอันเป็นการทำงานเลย แล้วมีข้อสงสัยอ่ะค่ะว่าถ้าเราไม่มีจ่ายเค้าแล้วเค้ามีสิทธิ์ไปทวงหรือแจ้งเพื่อให้บุคคลที่สามมาชำระมั้ยคะ กลัวจะโทรไปหาแม่อีกอ่ะค่ะ

อัพเดต 14/07/60 วันนี้ยูเมะค่อนข้างเงียบค่ะ เช้ารอบเย็นรอบ เหมือนเดิมค่ะขอให้ชำระยอดเข้าไปเพื่อรักษาบัญชี เราก็ได้แต่ตอบค่ะ จะพยายามค่ะ แล้วปลายสายก็บอกว่าเด๋วเย็น ๆ จะโทรมาใหม่นะคะ

วันนี้ 15/07/60 ค่ะ ยูเมะโทรมาตอน 11 โมง แจ้งยังไม่ได้รับยอดชำระนะคะ ไม่ทราบว่าลูกค้าจะชำระได้ตอนไหนตอนนี้เข้ารอบบิลที่สองแล้ว เราก็ตอบว่าไม่มีค่ะ ยังไม่พร้อมชำระ แล้วนางก็พูดบลา ๆๆๆๆๆๆ ว่าตอนคุณทำสัญญารายละเอียดก็มีแจ้งอยู่แล้วนะคะ เราไม่ได้ให้ลูกค้าชำระคืนก้อนเดียวเดียว ให้แบ่งชำระ ทำไมลูกค้ายังไม่ชำระล่ะคะ ลูกค้าต้องเห็นใจบริษัทบ้างนะคะ เราผ่อนผันมาขนาดนี้แล้ว โหสารพัดจะชักแม่น้ำทั้งห้าเลย เรารำคาญก็เลยวางหูไป ตอนประมาณบ่ายสองโทรมาค่ะ แต่เราไม่ได้รับสาย เจ้าหน้าที่ก็โทรไปแจ้งกับแม่เราว่าบอกให้เราติดต่อกลับหน่อยก่อนสี่โมงเย็น ทั้งที่แจ้งไม่ให้ติดต่อเบอร์แม่แล้วนะคะ ยังจะโทรอีกทั้งที่เพิ่งคุยกับเราเมื่อเช้านี้เอง เบอร์เราก็ติดต่อได้ โมโหมากค่ะ หงุดหงิดแบบสุด ๆ เลยอ่ะ เราเลยโทรกลับไปว่ามีอะไร โทรหาแม่เราทำไม คนที่รับสายบอกเป็นหัวหน้าค่ะ ยังไงขอโทษแทนลูกน้องด้วย จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก แต่ยังไงเรื่องการชำระของลูกค้า ก็ขอให้มียอดชำระเข้ามาภายในวันนี้นะคะ ดิฉันจะรอถึงห้าโมงนะคะ เราก็ตอบปัด ๆ ไป ค่ะ ค่ะ เฮ้อ ปวดหัวจริง ๆ ค่ะ นี่แค่งวดเดียวนะ ยังต้องเจออะไรอีกตั้งเยอะ ยังไงช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

.
ลุ้นช่วยกัน...หยุดจ่าย Umay+
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=6&id=43901&Itemid=64&limitstart=0


ผมจะสู้ Umay+
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=42232&Itemid=64&limitstart=0


ใครเป็นหนี้ยูเทะบ้างค่ะ เค้าตะฟ้องเร็วไหม
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=43057&Itemid=64&limitstart=0


ขอคำปรึกษา เรื่อง หนี้บัตรยูมะพลัสค่ะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44227&Itemid=64


มือใหม่มากๆๆๆ ขอคำแนะนำ เกี่ยวกับ ยูเมะ
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=44975&Itemid=64&limitstart=0


สรุป ยอด 94,346 ปิดจบที่ 20,000 ลดไป 74,346 คิดเป็นส่วนลดประมาณ 78%
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=45009&limitstart=60&Itemid=64#94757

เข้ารอบบิลที่ 2 แล้วค่ะ ยูเมะเงียบมาหลายวัน วันนี้โทรมาขอให้ชำระขั้นต่ำ 1,900 จากยอด 4 พันกว่าบาทเนื่องจาก 2 รอบบิล เราก็บอกว่าไม่มี ไม่พร้อมค่ะ ปลายสายจึงบอกว่าตอนนี้ลูกค้ามีอยู่เท่าไรคะ จ่ายเข้ามาซัก 500 รึ 1,000 ก่อนได้มั้ยคะ เราก็ยันอย่างเดียวเลยค่ะว่าไม่มี ยังไงคงต้องทนรับสายและปฏิเสธอย่างนี้ไปก่อน อยากได้ H/C หรือส่วนลดดี ๆ เร็ว ๆ จังเลย

เมื่อวันศุกร์ที่ 28/07/60 ยูเมะติดต่อเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับแผนการชำระเงินค่ะ ว่าจะทำยังไง จะชำระได้วันไหน เราก็บอกว่ากำหนดไม่ได้หรอกค่ะ คงต้องเลื่อนไปก่อนตอนนี้ยังไม่มีชำระคะ นี่ก็ยังติดค่างสดรถยนต์อยู่ 2 งวดเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าลูกค้าตะพูดอย่างนี้ไม่ได้นะคะ จะต้องกำหนดให้เราค่ะว่าจะจ่ายได้เมื่อไหร่ ถ้าลูกค้าไม่กำหนดให้เราจะกำหนดเองนะคะ เราเลยบอกเอาเลยค่ะ แล้วแต่คุณเลย เจ้าหน้าที่ก็เลยตอบกลับมาว่าให้เวลาถึงวันที่ 31/07/60 นะคะ จะต้องมียอดขำระเข้ามา ถ้าไม่อย่างนั้นจะดำเนินการตามจั้นตอนแล้วนะคเ เราเลยบอกตามนั้นเลยค่ะ แล้วก็วางสายใส่ไป เฮ้อ นี่เพิ่งครบรอบบิลเดียวเอง เพิ่งเข้ารอบบิลที่สอง ไม่รู้จะทนได้อีกนานมั้ย อยากจ่ายนะคะ แต่เงินมันไม่มีจริง ๆ ถึงจะเงินเดือนเพิ่งออก เราก็แบ่งไปชำระในส่วนที่จำเป็นก่อน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินค่าอยู่ เงืนเดือนไม่ได้เยอะมากค่ะ แต่รายรับมันไม่พอกับรายจ่ายน่ะสิ เฮ้อ !!

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ของดิฉันของเป็นหนี้ของยูเมะพลัสเหมือนกันค่ะ สองเดือนแล้วที่หยุดจ่าย ยังเงียบยุเลยค่ะ

คุณเป็นหนี้พอๆกับหนูเลยค่ะ หยุดจ่ายพร้อมกันเลยเดือน 7 เป็นเดือนแรกที่หยุดจ่าย พนักงานพูดแบบที่พี่พิมพ์มาเป๊ะ สู้ๆนะค่ะหนูก็เครียด แต่เราต้องอดทน จะทำตามแนวทางของชมรมไว้ค่ะ สู้ๆๆๆๆ

halaluya เขียน: คุณเป็นหนี้พอๆกับหนูเลยค่ะ หยุดจ่ายพร้อมกันเลยเดือน 7 เป็นเดือนแรกที่หยุดจ่าย พนักงานพูดแบบที่พี่พิมพ์มาเป๊ะ สู้ๆนะค่ะหนูก็เครียด แต่เราต้องอดทน จะทำตามแนวทางของชมรมไว้ค่ะ สู้ๆๆๆๆ

จ้า ขอบคุณนะคะ วันนี้โทรมาอีกครั้งเราไม่ได้รับ ก็โทรเข้าบริษัทเลย เรารับแล้วยอกเลยว่าให้โทรมือถือค่ะ มีอะไรโทรมือถือ ติดต่อได้ตลอดทั้งที่เคยแจ้งแล้วว่าสะดวกเบอร์ไหน เวลาไหน พูดไม่ฟัง แต่ก็ต้องยอมรับสภาพอ่ะค่ะก็เป็นหนี้เค้า เราก็บอกไปคงไม่มีจ่ายหรอกค่ะวันนี้ ยังจะให้เราไปปรึกษาเพื่อนปรึกษาญาติอีก ก็บอกว่าไม่มี ในเมื่อพูดแล้วไม่ฟัง เราก็เลยวางสายไปเลยค่ะ ...

Oumnaka เขียน: เป็นกำลังใจให้ค่ะ ของดิฉันของเป็นหนี้ของยูเมะพลัสเหมือนกันค่ะ สองเดือนแล้วที่หยุดจ่าย ยังเงียบยุเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณOumnaka ยังไงต้องทนสู้ไปเนอะ ✌

3/8/60 วันนี้มีเจ้าหน้าที่จากยูเมะโทรมาเสนอให้ปรับโครงสร้างค่ะ หรือถ้าไม่ทำจะปิดบัญชีเลยก็ได้ เค้าเสนอส่วนลดมาจากยอดปิด 79,742 บาท จ่ายปิดที่ 54,000 บาทถ้วนค่ะ แบ่งจ่าย 12 งวดโดยที่งวดแรกจ่าย 5,600 บาท งวดต่อไปเดือนละ 4,400 บาท เราว่ายอดมันยังสูงไปนะคะ เราเลยบอกไปว่าขอตัดสินใจก่อนนะคะ ซัก 2-3 วันค่อยโทรมานะ ปลายสายก็โอเคนะคะ บอกเด๋วจะโทรมาขอคำตอบนะคะ มีอะไรปรึกษาเพิ่มเติมมั้ย เราแจ้งเลยค่ะว่าไม่มี วางสาย จบค่ะ .... เพื่อน ๆ คิดว่าไงคะ ยอดมันยังสูงอยู่เลย ถ้ารอไปอีกซักหน่อยน่าจะได้ส่วนลดอีกเนอะ ...

ข้อ ๑. ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือในสัญญาสำเร็จรูป หรือในสัญญาขายฝาก ที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝาก ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น
ในกรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความสัญญาสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น
ข้อตกลงที่มีลักษณะ หรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่า ทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น (๒) ข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากหลักกฎหมายเกี่ยวกับนิติกรรมหรือสัญญาที่ใช้บังคับอยู่มีพื้นฐานมาจากเสรีภาพของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา รัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซงแม้ว่าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่ในปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ซี่งมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าถือโอกาสอาศัยหลักดังกล่าวเอาเปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอำนาจต่อรองทางเศรฐกิจด้อยกว่าอย่างมาก ซี่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม สมควรที่รัฐจะกำหนดกรอบของการใช้หลักความศักดิ์สิทธิของการแสดงเจตนาและเสรีภาพของบุคคล เพื่อแก้ไขความไม่เป็นธรรมและความไม่สงบสุขในสังคมดังกล่าว โดยกำหนดแนวทางให้แก่ศาล เพื่อใช้ในการพิจารณาว่าข้อสัญญาหรือข้อตกลงใดที่ไม่เป็นธรรม และให้อำนาจแก่ศาลที่จะสั่งให้ข้อสัญญาหรือข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรมนั้นมีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น
ศุภสรณ์ / อภิสิทธิ์ ผู้จัดทำ ๒๑/๐๓/๒๕๔๖
ข้อ ๒. จำเลยเป็นผู้บริโภค ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้กู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินกู้ โดยมีค่าตอบแทน ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญานั้นไม่ใช่เพื่อการค้า โจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้า ผู้เข้าทำสัญญาในฐานะผู้ให้กู้ เพื่อจัดให้ซึ่งเงินให้กู้ยืม ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญานั้นเป็นไปเพื่อการค้า อันเป็นทางค้าปกติของโจทก์ ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อหมุนเวียน ให้กู้ยืมเงิน เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๔ เป็นสัญญาสำเร็จรูปที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษร มีการกำหนดข้อสัญญาในเรื่องดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินซึ่งเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรม ที่เป็นสาระสำคัญในการให้สินเชื่อหมุนเวียน ให้กู้ยืมเงิน ไว้ล่วงหน้า ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี รวมอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรม ซึ่งโจทก์นำมาใช้ในการประกอบกิจการให้กู้ยืมเงินของโจทก์ ข้อ ๓. ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ข้อตกลงในสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือในสัญญาสำเร็จรูป ที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าหรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ในกรณีที่มีข้อสงสัย ให้ตีความสัญญาสำเร็จรูปไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายซึ่งมิได้เป็นผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปนั้น
ข้อตกลงที่มีลักษณะ หรือมีผลให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ เป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่า ทำให้ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น (๒) ข้อตกลงให้ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละ ๑๕ ต่อปี ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๒ “ดอกเบี้ย” หมายความว่า (กฎ) น. ค่าตอบแทนที่บุคคลหนึ่งต้องใช้ให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เพื่อการที่ได้ใช้เงินของบุคคลนั้น หรือเพื่อทดแทนการไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้ไม่ถูกต้อง ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน เป็นค่าตอบแทนที่จำเลยต้องใช้ให้แก่โจทก์ เพื่อการที่ได้ใช้เงินของโจทก์ จึงเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรม ที่โจทก์กำหนดเรียกชื่ออย่างอื่น ตามคำฟ้องข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ จำเลยได้มายื่นคำขอสมัคร และทำสัญญาสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อกู้ยืมเงินจากโจทก์ และโจทก์ได้ตกลงอนุมัติเป็นวงเงินกู้สินเชื่อแบบหมุนเวียนให้แก่จำเลยในวงเงินกู้จำนวน ๑๒๑,๕๐๐ บาท คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี รวมกันเป็นอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรมทั้งสิ้น จึงเป็นข้อตกลงให้จำเลยต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๔ ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นข้อตกลงที่ถือได้ว่า ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าผู้ให้กู้ และผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป ได้เปรียบจำเลยผู้กู้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔
ข้อ ๔. ทำให้โจทก์ได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงจำเป็นต้องคำนวณดังนี้
ตาราง ๑ กู้เงินสินเชื่อหมุนเวียน ๑๒๑,๕๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๑๕% ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ๑๓% สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๓ ค่างวดชำระขั้นต่ำไม่เกิน ๘% ของเงินต้นคงค้างหรือไม่ต่ำกว่า ๔๐๐ บาท แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า ปรากฏว่า จำเลยผ่อนชำระรวม ๗๐ เดือน รวมจำนวนเงินที่จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ทั้งสิ้น ๑๗๐,๔๕๐.๙๑ บาท นำไปชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๒๖,๒๒๓.๗๐ บาท (๒๑.๕๘% ของเงินต้น) นำไปชำระค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๑๓ ต่อปี เป็นเงิน ๒๒,๗๒๗.๒๑ บาท (๑๘.๗๑% ของเงินต้น) นำไปชำระเงินต้นจำนวน ๑๒๑,๕๐๐ บาท (๑๐๐%)
รวมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมฯ เป็นเงิน ๔๘,๙๕๐.๙๑ บาท (๔๐.๒๙% ของเงินต้น)
ตาราง ๒ กู้ยืมเงินสินเชื่อหมุนเวียน ๑๒๑,๕๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๑๕% ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ๐% สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๔ ค่างวดชำระขั้นต่ำไม่เกิน ๘% ของเงินต้นคงค้าง หรือไม่ต่ำกว่า ๔๐๐ บาท แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า ปรากฏว่า จำเลยผ่อนชำระรวม ๖๐ เดือน รวมจำนวนเงินที่จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ทั้งสิ้น ๑๔๓,๕๔๔.๗๒ บาท นำไปชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๒๒,๐๔๔.๗๒ บาท (๑๘.๑๔% ของเงินต้น) นำไปชำระค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๐ ต่อปี เป็นเงิน ๐ บาท (๐.๐๐% ของเงินต้น) นำไปชำระเงินต้นจำนวน ๑๒๑,๕๐๐ บาท (๑๐๐%) เปรียบเทียบ ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๒๒,๐๔๔.๗๒ บาท (๑๐๐%) กับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงิน ๔๘,๙๕๐.๙๑ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒๒๒.๐๕% ของดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จึงเป็นข้อตกลงที่ทำให้โจทก์ผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป ได้เปรียบจำเลยคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔ ตามรายการบันทึกความเคลื่อนไหวและภาระหนี้ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕ ในหน้า ๙ หน้าสุดท้าย สรุปรายการเบิก/ถอน/ชำระหนี้
รายการเบิกถอนเงินสินเชื่อหมุนเวียนจำนวน ๓๕ ครั้ง รวมจำนวน ๒๘๕,๕๐๐ บาท (๑๐๐%) รายการชำระยอดหนี้เข้ามาจำนวน ๒๗ ครั้ง เป็นเงิน -๒๑๘,๐๗๑.๓๕ บาท (-๗๖.๓๗%) ส่วนต่างของเงินกู้สุทธิ เป็นเงิน ๖๗,๔๒๘.๖๕ บาท (๒๓.๖๒%) ส่วนต่างของเงินกู้สุทธิ เป็นเงิน ๖๗,๔๒๘.๖๕ บาท (๑๐๐%) แต่โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้จำนวน ๑๓๘,๖๐๙ บาท (คิดเป็น ๒๐๕.๕๖% ของเงินกู้สุทธิ) เป็นดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ๗๑,๑๘๐.๓๕ บาท (คิดเป็น ๑๐๕.๕๖% ของส่วนต่างของเงินกู้สุทธิ) ซึ่งคือดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินซึ่งเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรมทั้งสิ้น จึงเป็นข้อตกลงที่ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าและผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป ได้เปรียบจำเลยผู้กู้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และให้มีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีเท่านั้น ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๔
ข้อ ๖. ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๒ หนี้ ลักษณะ ๒ สัญญา หมวด ๔ เลิกสัญญา มีบทบัญญัติไว้ดังนี้ มาตรา ๓๘๗ ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ไซร้ อีกฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาเสียก็ได้ มาตรา ๓๙๑ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ วรรค ๔ การใช้สิทธิเลิกสัญญานั้นหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ มาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น มาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ตามคำฟ้องข้อ ๒. เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ จำเลยได้มายื่นคำขอสมัครและทำสัญญาสินเชื่อหมุนเวียนเพื่อกู้ยืมเงินจากโจทก์ และโจทก์ได้ตกลงอนุมัติเป็นวงเงินกู้สินเชื่อแบบหมุนเวียนให้แก่จำเลยในวงเงินกู้จำนวน ๑๒๑,๕๐๐ บาท ในการชำระหนี้ดังกล่าวคืนให้แก่โจทก์นั้น จำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี และคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จำเลยตกลงชำระต้นเงินกู้พร้อมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินและดอกเบี้ยทั้งหมดคืนให้แก่โจทก์ในอัตราค่างวดชำระขั้นต่ำไม่เกินร้อยละ ๘ ของเงินต้นคงค้างในแต่ละงวด หรือไม่ต่ำกว่า ๔๐๐ บาท แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า ซึ่งโจทก์จะเป็นผู้จัดส่งใบแจ้งยอดหนี้ ตามรายการบันทึกความเคลื่อนใหวทางบัญชีและภาระหนี้ สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕ จำเลยจัดทำตารางสรุปรายการบันทึกความเคลื่อนใหวทางบัญชีและภาระหนี้ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๖ ปรากฏว่า ในเดือนที่ ๙ วันสรุปยอดบัญชีวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ จำเลยเบิกถอนเงินครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวนเงิน ๖๐๐ บาท หลังจากนั้นไม่ได้เบิกถอนเงินอีกเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ร้อยละ ๘% ของยอดหนี้คงค้างในแต่ละเดือน จำเลยไม่ได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เลย จำเลยจึงผิดนัดชำระหนี้ โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๑,๕๓๙.๖๗ บาท คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี เป็นเงิน ๑,๓๓๔.๓๙ บาท และคิดค่าปรับ/ทวงถามจำนวน ๑๐๐ บาท ทำให้ยอดหนี้ค้างชำระรวมเป็นเงิน ๑๒๖,๙๔๗.๔๑ บาท เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ๑๒๑,๕๐๐ บาท ไปเป็นเงิน ๔,๙๙๗.๔๗ บาท พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า คู่สัญญาไม่ประสงค์จะทำสัญญากันอีกต่อไป โจทก์และจำเลยจึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม วรรค ๔ การใช้สิทธิเลิกสัญญาหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ โจทก์จึงเรียกร้องค่าเสียหายได้ ตามมาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี โจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี และเรียกค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ ๑๓ ต่อปี ซึงเป็นดอกเบี้ยตามพจนานุกรม รวมกันเป็นอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี โจทก์คิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินรวมกันในอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี ติดต่อกันมาหลังเลิกสัญญาแล้วจนถึงเดือนที่ ๒๕ วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๐ อีกไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น แต่เป็นกำไรที่สูงมาก และขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จึงไม่ใช่ค่าเสียหายตามมาตรา ๒๒๒ ดังกล่าว และตามมาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ถ้าคิดดอกเบี้ยหลังสัญญาเลิกแล้ว ในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของธนาคาร ๕ อันดับแรก สูงสุด อัตราร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ ๑๓.๕๐ ต่อปี (๑๕ ลบ ๑.๕๐ เท่ากับ ๑๓.๕๐) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๙๐๐ ของต้นทุนเงินฝากประจำ (๑๓.๕๐ หาร ๑.๕๐ คูณ ๑๐๐ เท่ากับ ๙๐๐) จึงเป็นกำไรขั้นต้นที่สูงมาก จึงไม่ใช่ค่าเสียหายตามมาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ถ้าคิดดอกเบี้ยหลังสัญญาเลิกแล้ว ในอัตราร้อยละ ๗.๕๐ ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของธนาคาร ๕ อันดับแรก สูงสุด อัตราร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ ๖.๐๐ ต่อปี (๗.๕๐ ลบ ๑.๕๐ เท่ากับ ๖.๐๐) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ ๔๐๐ ของต้นทุนเงินฝากประจำ (๖.๐๐ หาร ๑.๕๐ คูณ ๑๐๐ เท่ากับ ๔๐๐) จึงเป็นค่าเสียหายตามมาตรา ๒๒๒ การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น และตามมาตรา ๒๒๔ หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ข้อ ๗. ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๗ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จำนวนบัญชีทั้งสิ้น ๑๒.๓๖๑,๑๖๙ บัญชี มียอดสินเชื่อคงค้าง ๓๓๕,๑๘๗ ล้านบาท ถ้าคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ ๙๓,๘๕๒.๓๖ ล้านบาท ถ้าระยะเวลาผ่านไป ๕ ปี ดอกเบี้ยสะสมจะเป็นเงินมากถึง ๔๖๙,๒๖๑.๘๐ ล้านบาท คิดเป็น ๑๔๐% ของเงินต้นคงค้าง ๓๓๕,๑๘๗ ล้านบาท ถึงวันนั้น ทุกอย่างคงจบ เพราะประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ทุนต่างชาติเอาเงินของประชาชนผู้บริโภคไปเป็นอันมาก การคิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒๘ ปี ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ ถึงวันนี้ เป็นเวลา ๑๒ ปี แล้ว คิดเป็นดอกเบี้ยที่ประชาชนผู้บริโภคต้องจ่ายมากถึง ๓๓๖% (๒๘ คูณ ๑๒ เท่ากับ ๓๓๖%) เศรษฐกิจของประเทศไทยถึงได้ฝืดเคืองมาก
ข้อ ๘. ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓ ความว่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓ ข้อ ๒. อำนาจตามกฎหมาย อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๘ แห่งประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ตามคำฟ้องข้อ ๒. โจทก์ให้เงินกู้สินเชื่อหมุนเวียนแก่จำเลยจำนวน ๑๒๑,๕๐๐ บาท เปรียบเทียบ คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๒๒,๐๔๔.๗๒ บาท (๑๐๐%) กับคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินร้อยละ ๒๘ ต่อปี เป็นเงิน ๔๘,๙๕๐.๙๑ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒๒๒.๐๕% ของดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี และตามรายการบันทึกความเคลื่อนไหวทางบัญชี เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๕ ในหน้า ๙ หน้าสุดท้าย รายการเบิกถอนสินเชื่อหมุนเวียนทั้งสิ้นจำนวน ๓๕ ครั้ง จำนวนเงิน ๒๘๕,๕๐๐ บาท และรายการยอดชำระหนี้เข้ามาทั้งสิ้น ๒๗ ครั้ง จำนวนเงิน -๒๑๘,๐๗๑.๓๕ บาท ส่วนต่างของเงินกู้สุทธิ เป็นเงิน ๖๗,๔๒๘.๖๕ บาท (๑๐๐%) โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้รวมทั้งสิ้น ๑๓๘,๖๐๙ บาท (คิดเป็น ๒๐๕.๕๖% ของเงินกู้สุทธิ) ส่วนต่างของเงินกู้สุทธิ คือดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินรวมทั้งสิ้น ๗๑,๑๘๐.๓๕ บาท (คิดเป็น ๑๐๕.๕๖% ของเงินกู้สุทธิ) จึงเป็นการประกอบกิจการค้าขายที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยและไม่ผาสุกแก่สาธารณชนเป็นอันมาก จึงไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ว่าด้วยการควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน โจทก์จึงไม่อาจอ้างประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ประกาศกระทรวงการคลัง และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ดังกล่าวได้./

อัพเดต 17/08/60 ยูเมะเงียบมาหลายวันแล้วค่ะ หลังจากที่บอกว่าให้ดำเนินการตามระบบไปเลย เพราะให้จ่ายตอนนี้ก็ไม่มีจ่าย ไม่รู้ว่าเค้าจะดำเนินการยังไงบ้างก็ไม่รู้ นี่จะเข้างวดที่สามแล้วค่ะ

ยูเมะครบ 3 งวดแล้วค่ะจะเข้างวดที่ 4 แล้ว วันนี้ 13/9/60 มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาเสนอปรับโครงสร้างหนี้รอบสอง หลังจากที่ครั้งแรกโทรมาตอนงวดที่ 2 เราปฏิเสธไป และเสนอส่วนลดปิดบัญชี ยอดพุ่งไปที่ 82,200 แล้วค่ะ จากครั้งแรกที่แจ้งคือ 79,000 เสนอส่วนลดปิดบัญชีมา 46,000 บาท 12 งวด แต่งวดแรกต้องจ่าย 7,500 บาท งวดต่อไป 2,400 เราเลยบอกขอตัดสินใจก่อนเพราะยอดยังสูง ยังไงจะแจ้งอีกที ตามที่ได้หาข้อมูลจากในชมรมเราคิดว่าถ้ารอต่อไปอีกน่าจะได้ส่วนลดมากกว่านี้ใช่มั้ยคะ ??? จะลองรอส่วนลดต่อไปค่ะ

เป็นยังงัยบ้างคะตอนนี้ของยูเมะ ฟ้าพึ่งหยุดจ่ายเดือนนี้เดือนแรกโดนแบบไม่อยากรับสายเลยค่ะโทรบ่อยจนลำคานไม่ได้รับสายแค่ครั้งเดีนวโทรเข้าที่ทำงานและคนรอบข้างเลยบอกติดต่อเราไม่ได้สะงั้นเฮ้อทุกวันนี้ไม่รับเลยเบื่อค่

Umay+หยุดได้2เดือน ยอด32000 เสนอส่วนลดให้ 50%ครับ งงมาก

veeraphan เขียน: Umay+หยุดได้2เดือน ยอด32000 เสนอส่วนลดให้ 50%ครับ งงมาก

เป็นลูกค้ายูเมะกี่ปีคะ

ฟ้าใส เขียน: เป็นยังงัยบ้างคะตอนนี้ของยูเมะ ฟ้าพึ่งหยุดจ่ายเดือนนี้เดือนแรกโดนแบบไม่อยากรับสายเลยค่ะโทรบ่อยจนลำคานไม่ได้รับสายแค่ครั้งเดีนวโทรเข้าที่ทำงานและคนรอบข้างเลยบอกติดต่อเราไม่ได้สะงั้นเฮ้อทุกวันนี้ไม่รับเลยเบื่อค่

ของเราตอนนี้3 งวดแล้วค่ะ กำลังจะเข้างวดที่ 4 ล่าสุด 26/09/60 โทรมาเสนอส่วนลด 46,000 บาท จากยอดตอนนี้พุ่งไปที่ 82,000 ค่ะ เราบอกไปว่ายอดมันสูงพอจะลดได้อีกมั้ย เราอยากจ่ายปิดทีเดียวเลย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้สูงสุด 39,000 บาทค่ะ แต่เนื่องจากตอนนี้เรายังไม่มีเงินเก็บเลยบอกว่าขอคิดดูก่อน และบอกไปว่าถ้าได้ซัก 20,000 ก็น่าจะพอหาได้แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่สามารถลดได้มากกว่านี้แล้ว เราเลยยังไม่ตอบอะไรไปค่ะ รอดูอีกหน่อยเผื่อมีโอกาส

ของเราก็โทรหาที่เมือนกัน มันบอกโทรหาเราไม่ติด ทั้งๆที่มันไม่โทรมาที เลยจัดไปชุดใหญ่ 1 ชุด เงียบไป 2 วันแล้ว ไม่โทรมาเลย ของเรายอด 91,000 หยุดจ่าย 2/9/60 ตอนนี้ยังโทรมาให้จ่ายขึ้นต่ำ. 2,300 ปกติจาก 2,800 แต่เราบอกไม่มีเงิน