เจ้าหนี้จะสามารถหักเงินบำนาญในธนาคารได้ไหม

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #3760 โดย kanayada
สวัสดีค่ะ มีเรื่องรบอยากถามค่ะ
คุณพ่อของดิฉันมีหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 10 ใบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 500,000บาท
ตอนนี้คุณพ่อได้ลาออกจากงานและกลายเป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,000 บาท
คุณพ่อไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย แต่ก็ตั้งใจจะผ่อนจ่ายให้กับทางเจ้าหนี้ หากถูกและแพ้คดี
แต่ทั้งนี้มีปัญหาที่อยากปรึกษาตรงที่ว่า คุณพ่อต้องรับเงินบำนาญจากธนาคารทหารไทยทุกเดือน
และคุณพ่อได้เป็นหนี้บัตรเครดิตของธนาคารทหารไทย 2 ใบ จำนวน 80,000 บาท
จึงอยากทราบว่าเจ้าหนี้(ธนาคารทหารไทย) สามารถหักเงินบำนาญของคุณพ่อในบัญชีได้ไหมคะ
(ตอนนี้ยังไม่ถูกฟ้องศาลค่ะ ได้แต่จดหมายเตือนจากทนายความ)
ถ้าหักได้เราสมควรไปทำ hair cut กับธนาคารทหารไทย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ

ขอบพระคุณทุกท่านอย่างสูงค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #3763 โดย Pych

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #3765 โดย kanayada
ขอบคุณค่ะ คุณAnakin สรุปถึงเป็นเงินบำนาญเราก็ถูกธนาคารเจ้าหนี้หักได้ใช่ไหมคะ
อย่างนั้นต้องบอกให้คุณแม่รีบ hair cut ซะแ้ล้ว ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #3767 โดย Pych
ตามกฎมาย ธนาคารหักเงินไม่ได้
แต่ถ้าเราไม่อยากเสี่ยงหรือไม่อยากเล่นเกมกด (กดเงินทั้งหมดออกมาในวันเงินบำนาญออก) ก็ไม่ควรหยุดจ่ายของทหารไทยครับ

ที่โดนกันประจำ ก็แบงค์ดอกบัว แบงค์ใบโพธิ์ แบงค์รวงข้าว ครับ แต่ทหารไทย ผมไม่แน่ใจครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12374 โดย kanayada
สอบถามเพิ่มเติมนะคะ

คือตอนนี้คุณพ่อได้รับหมายศาลแล้วค่ะ

และคุณพ่อก็หย่ากับคุณแม่ตั้งแต่ต้นปี55ค่ะ

อยากสอบถามว่า ศาลจะสามารถยึดทรัพย์คุณแม่ได้ไหมค่ะ

ส่วนตัวของคุณพ่อ ท่านไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร มีแต่เงินบำนาญที่ใช้หนี้คุณแม่เดือนละ 15000 บาท
แต่จริงๆแล้วเงินส่วนนี้คุณแม่เอามาใช้กินใช้จ่ายในครอบครัว เพราะดิฉันยังไม่ได้ทำงาน ตัวคุณแม่เองก็ไม่ได้ทำงานน่ะค่ะ

คือที่ผ่านมาคุณพ่อมีหนี้เยอะมาก และคุณแม่ได้ช่วยใช้หนี้ให้คุณพ่อไปมากกว่า 70% เหลือแต่หนี้บัตรเครดิต(10ใบ จำนวน 500000 บาท)ที่คุณแม่ไม่สามารถชดใช้ให้ไหวแล้ว

ตอนนี้คุณแม่ยังให้คุณพ่ออาศัยอยุ่ในบ้านด้วย แต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยา แต่อยู่ในฐานะเพื่อนพี่น้องที่สงสารและเห็นว่าคุณพ่อไม่มีหนทางไป คุณพ่อ อายุ50กว่า ลาออกจากงานราชการ และไม่รู้จะไปสมัครงานใหม่ที่ไหนได้

จึงอยากเรียนถามทุกท่านว่า คุณแม่จะโดนยึดทรัพย์ในฐานะภรรยา(ที่เพิ่งหย่า)ไหมคะ
และคุณพ่อยังสามารถอยู่ในบ้านหลังนี้ได้รึไม่ ต้องหลบซ่อนรึไม่ ในกรณีที่ไม่มีเงินไปชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้เลยน่ะคะ


ขอบพระคุณในความเมตตาของทุกท่านนะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12378 โดย Pych
หมายศาลประทับรับฟ้อง ลงวันที่ไว้ก่อนหรือหลังวันที่หย่าครับ

และเมื่อหย่ากันแล้ว ได้มีการแบ่งทรัพย์สิน ซึ่งเป็นสินสมรสกันชัดเจนไหมครับ
ถ้าไม่ได้แบ่งทรัพย์สินในส่วนสินสมรสให้ชัดเจน เป็นเรื่องราว
แล้วปล่อยถึงขั้นพิพากษาและขั้นยึดทรัพย์ของคุณพ่อคุณ ซึ่งเป็นจำเลยนั้น

โจทก์สามารถมีสิทธิเพียงร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของลูกหนี้ เพื่อขอดำเนินการไปตามคำพิพากษาได้ ก็คือ ขอให้แยกทรัพย์สินในส่วนสินสมรสซึ่งคุณพ่อคุณควรจะได้รับออกมาก่อน และจึงค่อยยึดครับ ถ้าเป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ หรือสิ่งของก็ต้องเอามาขายทอดตลาด แบ่งส่วนนึงให้คุณแม่ อีกส่วนของคุณพ่อแล้วโจทก์ก็ยึดส่วนคุณพ่อไปครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12382 โดย ntps
ตาม ป . วิแพ่ง มาตรา 286 (2) กล่าวไว้ว่า ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น สิทธิเรียกร้องเป็นเงินของลูกหนี้ตาม พิพากษาต่อไปนี้ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

(2) เงินเดือน ค่าจ้าง บำเหน็จ และเบี้ยหวัดของข้าราชการ หรือ ลูกจ้างของรัฐ และเงินสงเคราะห์ หรือ บำนาญที่รัฐบาลได้จ่ายให้แก่คู่สมรสหรือญาติที่ยังมีชีวิตของบุคคลเหล่านั้น บำเหน็จและ ก. บ. ข. ถ้าผู้รับ ยังมีชีวิตอยู่ไม่สามารถอายัดได้ ตาม ป. วิแพ่ง มาตรา 286 (2) แต่เมื่อผู้รับตายลงเงินนั้นก็ตกเป็นทรัพย์มรดกไปก็สามารถอายัดเงิน เหล่านั้นได้

แต่หากเงินที่ฝากกับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้สามารถกระทำการใดๆ ก็ย่อมได้ แม้ผิด
กฎหมาย ซึ่งลูกหนี้ร้องค้านได้ แต่เสียเวลา เสียเงินค่ะ ดังนั้น อย่าวางใจ
ฝากเนื้อไว้กับเสือค่ะ

แม้คุณพ่อได้หมายศาลมาแล้ว ใช่ว่าวันนัดศาลจะเป็นวันที่ต้องจ่ายค่ะ
การฟ้องขึ้นศาล คือการที่เจ้าหนี้ขอใช้สิทธิตามกฎหมายเรียกลูกหนี้มา
คุย มาไกล่เกลี่ย หาข้อสรุปในการชำระหนี้เท่านั้นค่ะ คุณยังเวลา ควรนำ
หมายศาลไปปรึกษาคุณอาที่ปรึกษาของชมรม ในวันอาทิตย์นะค่ะ

ส่วนเรื่องบ้านและทรัพย์ของภรรยา เขาไม่มาสืบหรอกค่ะ ว่ามีหรือไม่มี
ความสัมพันธ์กัน เขามองว่า
1 ลูกหนี้ครอบครองทรัพย์สินหรือไม่ค่ะ เป็นเจ้าบ้าน เจ้าของโฉนดหรือไม่ค่ะ
( ถ้ามีคำพิพากษามาแล้ว ลูกหนี้ยังเพิกเฉย เจ้าหนี้ถึงส่งเรื่องไปยังกรมบังคับคดี
เพื่อขออายัดทรัพย์หรือเงินฝากค่ะ)
2 ถ้าบ้านเป็นสินสมรส ก็มีสิทธิค่ะ

เราอาจประวิงเวลาการเจรจาได้ ขอให้ไปหาคุณอา เพื่อดูเอกสารฟ้องก่อนนะค่ะ
ค่อยๆ คิดค่ะ ทุกปัญหามีทางออกค่ะ คุณพ่อท่านอาจทำพลาดไป เพื่อครอบครัว
ครอบครัวควรให้กำลังใจท่านในการแก้ไขปัญหานะค่ะ


ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12383 โดย kanayada
เรียนคุณ Anakin

หมายศาลมาหลังจากหย่าแล้วค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่หย่ากันเมื่อเดือนม.ค. 55 นี้ค่ะ
หมายศาลของบัตรเจ้าแรก มาเมื่อประมาณสามอาทิตย์ที่แล้ว และจะขึ้นศาลประมาณวันที่13 มิ.ย.55นี้ค่ะ

ตอนหย่า คุณพ่อได้ระบุในเอกสารว่าสินสมรสส่วนของคุณพ่อได้ยกให้คุณแม่
เพื่อเป็นการชดใช้หนี้ที่คุณแม่ได้ไปจัดการให้น่ะคะ่

จะทำยังไงดีค่ะ คุณแม่ค่อนข้างเครียด เพราะที่บ้านไม่มีเงินไม่มีอะไรจะเสียให้เจ้าหนี้คุณพ่อแล้ว
หนี้นี้คุรแม่ก็ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน เพิ่งมารู้เรื่องเมื่อเดือนส.ค. 54 ค่ะ

ถ้าต้องถึงขั้นขายบ้านขายรถ ซึ่งเป็นส่วนของคุณแม่อีก
เกรงว่าคุณแม่จะยิงตัวตายค่ะ

ขอบพระคุณสำหรับคำตอบนะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12384 โดย ntps
คุณอนาคินหมายถึงวันที่ระบุในหมายศาลค่ะ

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12386 โดย kanayada
วันที่ประทับในหมายศาลคือวันที่ 2 พ.ค. 55 ค่ะ
เค้าให้ไปไกล่เกลี่ยและสืบพยานวันที่13 ค่ะ
คุณพ่อกับคุณแม่หย่ากันต้นเดือนมกราคม ปี 2555ค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12387 โดย kanayada

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12389 โดย Pych
ก่อนอื่นเลยนะครับ

คุณโดนฟ้องเท่าไรครับ เป็นคดีบัตรเครดิตหรือสินเชื่อ ใครเป็นโจทก์ ฟ้องว่าอย่างไรครับ
คุณไม่ลองดูแนวทางการไปศาลดูก่อนเหรอครับ

แนวทางการไปศาล ฉบับย่อของผม

1. เลื่อนนัดศาลเพื่อไปเจรจา Hair-Cut กับเจ้าหนี้ต่อ (เป็นการเลื่อนนัดปากเปล่าด้วยตัวจำเลยเอง จะเลื่อนได้ ประมาณ 1-2 เดือน เต็มที่ไม่เกิน 3 เดือน)
2. ยื่นคำให้การเพื่อสู้คดี โดยเฉพาะถ้ามีประเด็นเรื่องหมดอายุความ หรือดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด(สามารถไปสวนลุม ปรึกษาคุณอา ที่ปรึกษาของชมรมหนี้ โดยท่านจะให้คำปรึกษาที่สวนลุมทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่าย)
3. ทำประนอมยอมความหน้าศาล (มีเจ้าหนี้ที่ฟ้อง หรือมีโอกาสจะฟ้อง น้อยราย และมั่นใจว่าสามารถจ่ายได้ตลอดรอดฝั่ง)
4. ให้ศาลท่านพิพากษาเลย หลังจากคุณได้รับคำพิพากษาแล้ว คุณจะ
4.1 หักคอจ่าย (เจรจากับโจทก์ไม่ลงตัว แต่ก็ฝืนที่ะจ่ายให้เจ้าหนี้เข้าไป โดยยอดที่ชำระ ต้องชำระภายใน 15 วันหลังจากได้รับคำพิพากษา และเป็นยอดที่สมน้ำสมเนื้อ เมื่อคุณได้คำพิพากษา ผมจะช่วยคำนวณให้คร่าวๆ แต่วิธีนี้ไม่รับประกันว่าโจทก์จะไม่ไปอายัดเงินเดือนต่อหรือไม่ - เป็นวิธีที่ต้องวัดดวงเอา)
4.2 เจรจากับโจทก์เพื่อขอจ่ายแบบผ่อนชำระ xx งวดๆ ละ xxxx บาท (โจทก์จะยื่นข้อเสนอให้ผ่อนเท่ากันเป็นงวดๆ หรือเป็นขั้นบันได อาจจะปลอดดอกเบี้ย หรือมีดอกเบี้ยก็จะไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี)
4.3 รอให้โจทก์ไปทำเรื่องให้กรมบังคับคดีอายัดเงินเดือน อายัดบัญชีเงินฝาก สืบทรัพย์ ยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ (การอายัดเงินเดือนจะทำได้ทีละเจ้าหนี้ๆ ที่ฟ้องทีหลัง ต้องรอจนกว่าเจ้าแรกได้รับชำระจนครบ หรืออาจไปสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์แทนเลย และข้าราชการจะไม่โดนอายัดเงินเดือน)

ขอนำแนวทางการไปศาลของคุณเก่ง Familyman ที่แนะนำไว้ ดังนี้ครับ

เมื่อได้รับหมายศาลแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง

1.ให้ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆในหมายศาล ดังนี้
- ดูว่าจะฟ้องที่ศาลไหน กำหนดวันขึ้นศาลเมื่อไร จะได้จัดตารางได้ถูกต้อง หากจำเป็นต้องลาล่วงหน้าจะได้แจ้งหัวหน้าไว้ก่อน
- ดูรายละเอียดเกี่ยวกับยอดหนี้ของคุณ เช่น ยอดตอนที่คุณหยุดจ่ายเท่าไหร่ และยอดที่ทางเจ้าหนี้ยื่นฟ้องว่าเป็นยอดทั้งหมดเท่าไหร่ เงินต้นเท่าไร ดอกเบี้ยเท่าไหร่
- หากเจ้าหนี้เค้าฟ้องศาลพื้นที่ที่ไม่ใช่ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของคุณ ก็ยกประเด็นนี้ขึ้นสู้ (เนื่องจากคดีผู้บริโภคต้องฟ้องพื้นที่ที่จำเลยมีทะเบียนบ้านอยู่เท่านั้น)

2.ตรวจสอบดูว่าทางเจ้าหนี้ฟ้องเกินอายุความฟ้องหรือไม่ โดยบัตรเครดิตอายุความฟ้อง 2 ปี ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลมีอายุความฟ้อง 5 ปี นับจากวันที่คุณผิดนัดชำระครั้งแรก.... หากเกินอายุความก็ยกประเด็นนี้ขึ้นสู้ หรือถ้าเกิดมีผีหยอดเงินเข้าไปเพื่อต่ออายุความให้คุณ ทั้งๆที่กำลังจะหมดอายุความแล้ว แบบนี้ก็สู้เหมือนกันครับ (แต่จะต้องทำอย่างไรไปหาอ่านในกระทู้เก่าเอง)

3.พิจารณาตัวคุณเองในเรื่องต่างๆ ดังนี้
-ว่ามีเงินก้อนในมือหรือไม่ จำนวนเท่าไหร่
-หากไม่มีเงินก้อนในมือมีความสามารถในการผ่อนชำระในแต่ละเดือนมากน้อย
-มีหนี้ที่ได้รับหมายศาลมากน้อยเท่าไหร่ หนี้ที่ฟ้องแล้วอยู่ในระหว่างขั้นตอนใดบ้าง
-ในอนาคตอันใกล้จะได้รับเงินก้อนเข้ามา เช่น โบนัส หรือไม่ จำนวนเท่าไหร่

4.พิจารณาว่าทางเลือกต่างๆ และกำหนดจุดยืนที่เหมาะสมกับตัวคุณ โดยมีทางเลือกต่างๆดังนี้

4.1ไปเพื่อเจรจาหน้าศาล ขอ Haircut ปิดบัญชี
การไปเจรจา Haircut หน้าศาล เมื่อคุณไปศาล ทนายโจทก์จะเข้ามาพบคุณเพื่อเสนอเงื่อนไขของทางโจทก์ว่ามีอะไรบ้าง คุณก็สามารถเจรจาเพื่อขอส่วนลดปิดบัญชีได้ ในการเจรจานั้นบางทีก็สามารถเจรจากับทนายโจทก์ได้เลย แต่บางทีหากทนายโจทก์ไม่ได้รับมอบอำนาจในการเจรจากับลูกหนี้มา ทนายโจทก์ก็จะให้เบอร์ติดต่อเพื่อให้คุณโทรติดต่อไปเจรจาตอนนั้น หากได้ส่วนลดที่คุณต้องการ และเงินก้อนในมือพร้อมคุณก็สามารถทำการ Haircut ได้ กรณีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีเงินก้อนในมือพร้อมเท่านั้น

4.2 ไปเพื่อเจรจาหน้าศาลผ่อนชำระเป็นงวดๆ
กรณีนี้จะคล้ายกับกรณี 4.1 เพียงแต่กรณีนี้คุณไม่มีเงินก้อนในมือ คุณก็สามารถเจรจาขอผ่อนชำระได้ หากข้อเสนอที่ฝ่ายโจทก์เสนอมา คุณคิดว่าคุณสามารถผ่อนชำระได้ คุณก็สามารถทำยอมหน้าศาลได้ กรณีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีเงินเหลือสำหรับใช้หนี้ในแต่ละเดือนมากพอใน ระดับนึง และมีหนี้ที่ทยอยฟ้องไม่กระชั้นชิดกัน แต่กรณีนี้มีข้อเสียคือ หากคุณทำยอมหน้าศาลแล้ว และต่อไปคุณเกิดปัญหาด้านการเงินจนผ่อนไม่ไหว เจ้าหนี้เค้าสามารถร้องต่อศาลขอบังคับคดีได้เลย โดยที่ไม่ต้องทำเรื่องฟ้องอีกครั้ง

4.3ไปเพื่อขอเลื่อนนัดศาล
การไปขอเลื่อนนัดพิจารณา คุณสามารถทำได้โดยไปศาลและแจ้งต่อศาลว่าขอเลื่อนพิจารณาคดี ซึ่งการขอเลื่อนคุณต้องเตรียมเหตุผลไปให้ดี เช่นคุณแจ้งต่อศาลว่าขอเลื่อนเพื่อสู้คดี ศาลท่านจะถามคุณว่าคุณจะสู้ในประเด็นอะไร ดังนั้นคุณต้องทำการบ้านไปพอสมควร แต่ผมแนะนำว่าควรจะใช้เหตุผลว่าขอเลื่อนเพื่อไปเจรจาต่อรองกับโจทก์อีกครั้ง นึงจะดีกว่า ส่วนศาลท่านจะเลื่อนนัดให้คุณมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับศาลแต่ละพื้นที่ หากเป็นศาลพื้นที่ที่มีคดีเยอะคุณก็อาจได้เลื่อนนัดไปได้นาน มีเพื่อนคนนึงในเวปสามารถขอเลื่อนนัดได้เกือบ 10 เดือนเลยครับ แต่กรณีของผมขึ้นศาลแขวงธนบุรี ศาลท่านจะให้เลื่อนนัดได้ประมาณ 2 เดือน เมื่อศาลท่านเลื่อนนัดให้คุณ คุณก็สามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ได้ หาก Haircut ได้ก็ Haircut ไป แต่ถ้า Haircut ไม่ได้จริงๆ เมื่อถึงกำหนดนัดศาลอีกครั้ง และคุณต้องการจะสู้คดี คุณก็สามารถสู้คดีได้ ข้อดีของกรณีนี้คือคุณสามารถยืดเวลาออกไปได้ เหมาะสำหรับคนที่เก็บเงินใกล้ที่จะ Haircut ได้ หรือในอนาคตอันใกล้จะมีเงินก้อน เช่น โบนัสเข้ามา
ป.ล.ปัจจุบันนี้เนื่องจากการฟ้องร้องคดีบัตรเครดิตและสินเชื่อ เปลี่ยนจากใช้ วิ.แพ่งมาเป็น วิ.ผู้บริโภค ดังนั้นการขอเลื่อนนัดศาลจะขอเลื่อนไม่ได้นานเหมือนสมัยก่อน

4.4ไปเพื่อสู้คดี
การสู้คดีนั้นสามารถไปยื่นคำให้การด้วยวาจา หรือโดยลายลักษณ์อักษร ก็ได้ แต่แนะนำว่าควรยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร และควรจะให้ทนายหรือผู้รู้เป็นผู้ร่างคำให้การ คุณไม่ควรที่จะเอาคำให้การสู้คดีของผู้อื่นมาดัดแปลง เนื่องจากว่าคดีต่างกัน ประเด็นต่อสู้ทางกฎหมายก็ต่างกัน การสู้คดีมีค่าใช้จ่าย ดังนั้นคุณต้องดูก่อนว่าคดีของคุณเป็นคดีอะไร มีประเด็นที่สามารถต่อสู้ได้หรือไม่ และถ้าสู้แล้วสิ่งที่ได้กับสิ่งที่เสีย คุ้มกันหรือไม่ ข้อดีของการสู้คดีคือมูลหนี้ที่ฟ้องลดลง และคุณมีเวลาเก็บเงินเพื่อ Haircut เพิ่มขึ้น หลังจากศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว คุณยังสามารถเจรจา Haircut ได้อีก แต่ข้อเสียคือ หากศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว และคุณยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้เค้าสามารถร้องต่อศาลขอบังคับคดีได้
คดีบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยน่าสู้คดี เนื่องจากสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยค่อนข้างถูกต้องแล้ว ถึงสู้คดีไปก็อาจได้ลดมูลหนี้ที่ฟ้องไม่มาก ซึ่งไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป ส่วนคดีสินเชื่อส่วนบุคคลของนอนแบงก์แนะนำว่าน่าจะสู้คดีครับ โดยเฉพาะควิกแคซ
ป.ล. ถ้าต้องการสู้คดี นัดแรกที่คุณไป คุณต้องไปยื่นคำให้การสู้คดีทันที

4.5ไปเพื่อขอความเมตตาจากศาลท่าน (ไม่สู้คดี)
กรณีนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่โดนเจ้าหนี้หลายๆรายฟ้องพร้อมๆกัน ไม่มีเงินก้อนในมือ คาดว่าไม่สามารถผ่อนชำระได้แน่นอน ถึงจะยืดเวลาออกไปก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก เป็นคดีที่ไม่มีประเด็นต่อสู้ ซึ่งคิดว่าการอายัดเงินเดือนเป็นทางออกทางเดียว กรณีนี้หากคุณไม่ลำบากในการไปศาลมาก ก็ไปศาลเพื่อขอความเมตตาจากศาลขอให้ศาลท่านเมตตาตัดในส่วนของดอกเบี้ยผิดนัด ชำระหรือค่าปรับลง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดี กรณีนี้คุณต้องดูด้วยนะครับว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรหรือไม่

*************************************************************

ลองตัดสินใจดูว่า คุณจะเลือกแนวทางไหน


ไปศาล --- คลิ๊กที่ชื่อกระทู้ได้เลยครับ

หมายศาลจะถูกส่งไปที่ไหน

ความหมายของวันนัดไปศาล

หมั่นเช็คหมายศาล เพื่อป้องกันการแอบฟ้องจากเจ้าหนี้

ไปศาลแนวทางการจะไปศาล คุณเก่งFamilyManแนะนำดีมาก

ยอดฟ้องคิดจากยอดไหน พี่นกกระจอกเทศสอนว่าไปศาลแล้ว “อย่ามีปากไว้กินข้าวต่อหน้าศาล”

แนวทางการไปศาล

ข้อต่อสู้ในคดีแพ่ง ที่ลูกหนี้ควรศึกษา

เวปศาลในประเทศไทย

ปิดหนี้ได้ก่อนไปขึ้นศาลอีกรอบ ต้องไปศาลอีกไหม

จ่ายกับแบงค์เป็นงวดๆในระหว่างฟ้องกันอยู่ แต่ยังไม่ครบ ต้องไปศาลไหม?

ไปศาลไม่ใช่แค่ทนายเท่านั้นที่ควรระวัง ของคุณ wijin

อธิบายเรื่องศาลจำขัง คดีแพ่งจะติดคุกไหม

การบังคับคดีที่เขียนว่าภายใน 15 วัน มันไม่ได้เป็นไปตามนั้นเสมอไป การจ่ายและข้อตกลงหลังไปศาล คุณเก่งกับพี่นกช่วยกันตอบ

ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 บริษัทเป็นจำเลยที่ 2 บริษัทต้องรับผิดชอบไหม

ข้อต่อสู้ในคดีแพ่ง ที่ลูกหนี้ควรศึกษา

ขอบเขตอำนาจศาลปี 55

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12390 โดย Pych
แล้วมีอะไรเป็นสินสมรสบ้างครับ
ใครเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านครับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12391 โดย ntps
ลองอ่านดูเป็นแนวทางนะค่ะ สงสัยประการใด ใช้บริการ hot lineดีกว่าค่ะ
เพราะบางเรื่องบอกตรงๆ ไม่ได้ค่ะ ทางที่ดีโทรหาคุณนกกระจอกเทศช่วง
เย็นตามเวลาที่ระบุนะค่ะ

การพิจารณาตามกฎหมายจะดูที่เจตนาค่ะ หย่ากันแต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน
เจ้าหนี้ค้านได้นะค่ะ แต่ไม่ใช่บอกให้คุณไล่คุณพ่ออกจากบ้านนะค่ะ
อย่างที่คุณอนาคินโพสให้อ่าน เรามีทางเลือกเดินค่ะ มีเวลาไตร่ตรอง
เลือกทางที่สามารถเดินไปได้ เจ้าหนี้ไม่อยากอายัดทรัพย์หรอกค่ะ
เขาอยากได้เงินคืน ไม่มากก็น้อย การเจรจาให้เขารู้สถานะภาพของคุณ
พ่อ และปัญหาคุณพ่อคุณ จะช่วยได้มากค่ะ เข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ตัวจริง
โดยตรงดีที่สุดค่ะ


สามีไปสร้างหนี้ถูกศาลให้ชดใช้ ภรรยาไปขอจดทะเบียนหย่า หย่าแล้ว
หลังจากนั้นภรรยามีเงินเดือนฝากในธนาคาร จะอายัดหรือยึดเงินภรรยา
ในธนาคารได้หรือไม่ เห็นว่าสามียังแวะเวียนมาบ้านภรรยาเล่นกับลูก
อาทิตย์หนึ่งมาค้าง 1 คืน ขออายัดเงินฝากธนาคารของภรรยาได้หรือไม่

ตอบ ก่อนอื่นมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่าหนี้ที่
สามีไปสร้างขึ้นระหว่างสมรส เป็นหนี้ที่ภรรยาต้องรับผิดร่วมกันกับสามีหรือไม่
หากเป็นหนี้ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ก็สามารถอายัดบัญชีเงินฝากได้
แต่ตามคำถามปรากฏว่า ภรรยาเป็นข้าราชการ ด้วยเหตุดังกล่าวจึงไม่สามารถ
อายัดบัญชีเงินเดือนได้ ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ปพพ. มาตรา ๑๔๙๐
หนี้ ที่สามีภริยา เป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้น ให้รวมถึง หนี้ที่ สามีหรือภริยา
ก่อให้เกิดขึ้น ในระหว่างสมรส ดังต่อไปนี้
(๑) หนี้ เกี่ยวแก่ การจัดการบ้านเรือน และ จัดหาสิ่งจำเป็น
สำหรับครอบครัว การอุปการะเลี้ยงดู ตลอดถึง การรักษาพยาบาล
บุคคลในครอบครัว และ การศึกษา ของบุตร ตามสมควร แก่อัตภาพ
(๒) หนี้ที่ เกี่ยวข้องกับ สินสมรส
(๓) หนี้ที่ เกิดขึ้นเนื่องจาก การงาน ซึ่ง สามีภริยา ทำด้วยกัน
(๔) หนี้ที่ สามีหรือภริยา ก่อขึ้น เพื่อ ประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่
อีกฝ่ายหนึ่ง ได้ให้สัตยาบัน


ปพพ. มาตรา ๑๔๘๙
ถ้า สามีภริยา เป็นลูกหนี้ร่วมกัน ให้ชำระหนี้นั้นจาก สินสมรส และ
สินส่วนตัว ของทั้งสองฝ่าย



ชำระหนี้ด้วย สินสมรส และ สินส่วนตัว ของทั้งสองฝ่าย ตาม มาตรา ๑๔๘๙

ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12393 โดย Pych
ฝากคำพิพากษาศาลฎีกาให้ลองศึกษาดูนะครับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2536

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยึดที่ดินและบ้านพิพาท ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขอให้ถอนการยึด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ที่ดินและบ้านพิพาทผู้ร้องซื้อมาด้วยเงินของผู้ร้องเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2521ผู้ร้องและจำเลยจดทะเบียนสมรสกันวันที่ 27 มีนาคม 2522 และจดทะเบียนหย่ากันวันที่ 4 พฤษภาคม 2527 จำเลยก็ไม่ได้คัดค้านว่าที่ดินและบ้านพิพาทไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ขอให้เพิกถอนการยึด
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นสินสมรสของผู้ร้องและจำเลย เมื่อจำเลยและผู้ร้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา จำเลยได้ยกที่ดินและบ้านพิพาทให้ผู้ร้องโดยไม่สุจริตเป็นการสมยอมกัน ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการยึดขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณ์บางส่วน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกาโดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาบางส่วน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทจากผู้ขายในราคา 199,000 บาท เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2521มีจำเลยเป็นพยานในสัญญาด้วย ผู้ร้องชำระมัดจำและราคาให้ผู้ขายเป็นเงิน 30,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับจำเลยเมื่อเดือนมีนาคม 2522 หลังจากนั้นอีก 1 เดือน ผู้ร้องจึงได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทจากผู้ขาย แล้วนำไปจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยด้วย เชื่อได้ว่าผู้ร้องและจำเลยร่วมกันซื้อที่ดินและบ้านพิพาทเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน หาใช่ผู้ร้องซื้อด้วยเงินส่วนของผู้ร้องตามลำพังไม่ ทั้งผู้ร้องชำระราคาส่วนใหญ่และจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทหลังจากจดทะเบียนสมรสกับจำเลยแล้ว ต้องถือว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องได้มาในระหว่างสมรสกับจำเลย จึงเป็นสินสมรสของจำเลยและผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474(1) การที่ผู้ร้องและจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากันและจำเลยยกที่ดินและบ้านพิพาทซึ่งเป็นสินสมรสให้ผู้ร้องทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องทราบถึงภาระหนี้สินของจำเลยเช่นนี้ ถือว่าเป็นการสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ จึงไม่ทำให้ที่ดินและบ้านพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแต่เพียงฝ่ายเดียว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12394 โดย kanayada
อ่านแล้วใจแป้วเลยนะคะ
บ้านคงต้องลุกเป็นไฟอีกครั้งแน่ๆ เพราะแม่เสียเงินให้พ่อไปเยอะมากแล้ว
ดิฉันเคยโทรปริกษาคุณอาไพโรจน์แล้ว ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้สบายใจขึ้น

แต่พอใบทวงหนี้มา หมายศาลมาทีไรคุรแม่ก็เครียดและกลายเป็นเครียดทั้งครอบครัวทุกที

ขอขอบพระคุณทั้งคุณแก้วจ๋าและคุณอนาคินมากนะคะ ทีเสียสละเวลามาตอบคำถามและให้ข้อมูลเยอะมาก

มันจนปัญญาจะชดใช้จริงๆๆค่ะ

ขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้นะคะ

หมายศาลฉบับนี้โจทก์ฟ้องคือ บริษัทอีซี่บายจำกัดมหาชนค่ะ
คุณพ่อเป็นจำเลย ต้องชำระเงินแก่โจทย์ จำนวน134,107.87 บาท
คุณพ่อชำระหนี้ครั้งสุดท้ายวันที่ 29 ก.ค. 54 จำนวน 4000 บาทค่ะ
และคุณพ่อมีต้นเงินค้างชำระ 108,753.74 ค่ะ

บ้านกับรถเป็นทรัพย์สินของคุรแม่ ที่คุณแม่หามาได้เองระหว่างสมรสกับคุณพ่อค่ะ
ของทุกอย่างเป็นชื่อคุณแม่ค่ะ และคุณแม่เป็นเจ้าบ้านค่ะ

ทีนี้เรียนตามตรงค่ะ
ว่าที่บ้านไม่มีเงินจะจ่ายให้เค้าแล้วค่ะ ไม่ว่าจะhair cut หรือผ่อนจ่าย
เพราะคุณแม่จ่ายหนี้อื่นๆให้คุณพ่อไปเยอะมาก และคุณพ่อก็โดนคุณแม่ด่าว่าเยอะมากแล้ว
โดยส่วนตัวคุณพ่อไม่มีทรพัย์สินอะไรเลย และไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินเลยค่ะ

ทีนี้ที่่บ้านก็อยู่ในความเครียดกันมาหลายเดือน(โดยเฉพาะคุณแม่)
จนในที่สุดคุณแม่ตัดสินใจหย่ากับคุณพ่อ
แต่ก็ยังให้คุณพ่ออาศัยอยู๋ในบ้านต่อไป

เรื่องหนี้บัตรเครดิตนี้ ทางครอบครัวตั้งใจจะไม่จ่ายค่ะ
เพราะว่าคุณพ่อไม่มีรายได้อะไรแล้ว เพราะลาออกจากราชการ และได้เงินบำนาญเดือนละ 15000 บาท
ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ส่วนคุณแม่ก็ไม่มีเงินเหลือแล้ว
ตอนนี้คุณพ่ออายุ 50 กว่า จบม.หก ไม่สามารถหางานทำได้แล้ว
ส่วนดิฉันยังเรียนไม่จบ เลยไม่สามารถช่วยครอบครัวแบ่งเบาภาระได้



คุณพ่อเลยตัดสินใจจะไม่ไปศาล
แต่คุณแม่ยังกังวลว่า หากให้ศาลตัดสินคดีความไปแล้ว ยังไงคุณพ่อก็ต้องชดใช้หนี้
แต่คุณพ่อไม่มีเงินจะจ่าย ทางกรมบังคับคดีจะนำทรัพย์สินที่เหลือของคุณแม่(เช่นบ้านและรถ)ไปชดใช้หนี้ไหม คุณพ่อกับคุณแม่กังวลใจตรงนี้มากน่ะคะ่

ในตอนที่หย่ากัน คุณพ่อได้ระบุไว้ในเอกสารหย่าว่า
สินสมรสส่วนของคุณพ่อยกให้คุณแม่เป็นการชดใช้หนี้น่ะคะ่

ป.ล.ที่เค้าฟ้องยังไม่เกินอายุความด้วยค่ะ


ขอบพระคุณมากนะคะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12395 โดย Pych
ลองอ่านคำพิพากษาข้างบนดูนะครับ

ผมว่าคุณโทรไปหาพี่นกกระจอกเทศ ตามที่พี่แก้วแนะนำดีกว่าครับ
จริงๆ แล้ว ชมรมของเรา ไม่สนับสนุนให้ชักดาบเจ้าหนี้นะครับ



"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12396 โดย kanayada
ค่ะ กราบขอบพระคุณทั้งสองท่านจริงๆๆค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา - 11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #12398 โดย ntps
เข้าใจคุณและคุณแม่ที่ต้องรับใช้หนี้แทนคุณพ่อนะค่ะ
เงินก็ไม่ได้หามาง่ายๆ

แต่ขอถามว่า ครั้งหนึ่งในอดีต คุณพ่อท่านเป็นผู้ที่เลี้ยงดู และใช้เงิน
จากบัตรเครดิตเหล่านี้ซื้อความสุข ให้กับครอบครัว ใช่หรือไม่ค่ะ

ชมรมฯ เราตั้งมาเพื่อที่เป็นที่พึ่ง ที่พักพิง ให้ข้อมูลกับลูกหนี้
เพื่อลูกหนี้จะได้มีชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ให้คำว่า หนี้ มาทำลาย
คำว่า สถาบันครอบครัวค่ะ

แค่หนี้ซึ่งสร้างมากับมือเรา ทำไมเราจะลบมันไม่ได้ด้วยมือค่ะ
ความรักสามัคคี การให้กำลังใจและกันเป็นสิ่งที่คนเป็นหนี้ทุกคน
ต้องการค่ะ ไม่มีลูกหนี้คนไหนมีความสุข หรืออยากเป็นหนี้ แต่
ถ้าเป็นแล้ว ยอมรับความจริง อยู่กับความจริง ไม่หนี ไม่เบี้ยว
เราสมควรปรบมือให้กำลังใจ ไม่ใช่หรือค่ะ

แก้วจ๋าก็เป็นหนี้ที่ไม่ใช่ตัวเองก่อ แต่ต้องมารับภาระหนี้
สู้กับหนี้มา 3 ปี ยังผ่านมาได้ เพราะมีบ้านนี้ และเพื่อนๆ
พี่ๆ ในบ้านนี้ ให้กำลังใจจนมาถึงวันที่ ขึ้นสววรค์ เป็นไทได้
ค่ะ การเฝ้าคิดแต่ว่า นี้ไม่ใช่หนี้ฉัน เป็นหนี้เธอ ไม่ได้
ทำให้ชีวิตดีขึ้น การแต่งงานหรือการร่วมชีวิตคู่ ก็เหมือน
การร่วมลงเรือลำเดียวกัน จะผิดจะถูก จะทุกข์จะสุข เราคง
ต้องแชร์กัน เราคงอภัยกันได้ ถ้าที่ผ่านมา เขาทำเพื่อเรา

อยากให้คิดในแง่บวกค่ะ บทเรียนนี้ไม่มีที่ไหนสอน แต่
เมื่อจำเป็นต้องเรียน ก็ต้องสู้เพื่อชัยชนะค่ะ :สู้ๆ: :สู้ๆ: :สู้ๆ:








ความสุข ไม่ใช่การ... "เพิ่ม"...สิ่งที่ไม่จำเป็นเข้ามาในชีวิต
แต่มัน คือ การ "ลด"....สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา #26610 โดย kanayada
สวัสดีทุกท่านอีกครั้งค่ะ
วันนี้คำสั่งศาลคดีแรกมาแล้วค่ะ ของธนาคารธนชาต
มาในกระดาษ 1 แผ่น ประทับตราศาลมาเลยค่ะ

บอกว่าถ้าไม่ชำระหนี้ภายใน15วันหลังจากได้รับคำสั่งนี้จะถูกยึดทรัพย์หรือจับกุมตัว

เลยเกิดข้อคำถามค่ะว่า
กรณนี้ถ้าลูกหนี้ไม่มีเงินจ่าย ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสมบัติส่วนตัว
ลูกหนี้จะถูกจับติดคุกไหมคะ

ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.873 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena