สอบถามการปิดหนี้หลังได้รับหมายอายัดเงินเดือน

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน

ตอนนี้มีเรื่องรบกวนปรึกษานะค่ะ ตนเองได้เข้ามาอ่านในเวปบอร์ดนี้มานาน และได้ปฏิบัติตามคำแนะนำค่ะ
เริ่มจากการหยุดจ่าย และปิดบัญชี สรุปปัจจุบันหนี้ หนี้ทั้งหมด 14 บัญชี ได้ปิดมาเหลือ อยู่ที่ 7 บัญชีแล้วค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า
เนื่องจาก 1 ในบรรดาเจ้าหนี้ คืออีซี่บายนะค่ะ ปัจจุบันเรื่องได้จบลงที่กรมบังคับคดี โดยมีหมายมาให้อายัดเงินเดือนเรียบร้อยแล้วค่ะ ที่ยังไม่ได้ปิดเจ้านี้เพราะยอดสูงมาก และไม่ได้ส่วนลด

ไม่ได้ไปศาล เพราะไม่ได้รับหมายศาล และคำพิพากษา สาเหตุไม่แน่ใจว่าเพราะชื่อตัวเองอยู่ในบ้านพักราชการหรือป่าว เพราะเวลาเอกสารมา กว่าจะมาถึงผู้อยู่อาศัย จะนานมาก เป็นระบบภายในของหน่วยที่พักอาศัย และหากไม่มีใครมาส่งเอกสาร ก็จะค้างอยู่อย่างนั้นค่ะ ที่สำคัญดิฉันไม่ได้อยู่ที่นั้นมา 8 ปีแล้ว
ซึ่งก็เป็นความโชคไม่ดี และตัวเองก็ละเลยที่จะไปเช็คข้อมูลตัวเองที่ศาลด้วย

ทีนี้เรื่องก็มาถึงกรมบังคับคดีค่ะ ได้ส่งเอกสารมาให้อายัดเงินเดือน โดยทางบริษัทเก่าได้โทรมาแจ้งให้รับทราบและกำลังจะส่งหนังสือกลับไปแจ้งว่าดิฉันได้ลาออกไปแล้ว
หลังจากได้ทราบเรื่องเราก็โทรไปที่อีซี่บาย เพื่อจะได้เจรจาปิดหนี้กัน
เพราะสถานะเราคือ เราไม่มีทรัพย์สินให้ยึดเลย และงานก็ลาออกมาแล้ว 3 เดือน ยังไม่ได้เข้าทำงานที่ใหม่ค่ะ

ทางอีซี่บายได้ให้ข้อเสนอมาว่า ยอดพิพากษา 122,000 ลดให้ 85,000 ผ่อนได้ 8 เดือนเท่านั้น

เฉลี่ย เดือนละ 10,625 ซึ่งก็หนักมากๆ สำหรับเรา เราได้โทรไปเจรจาของวดละ 5,000 บาท จนกว่าจะครบ ทางนู้นก้อไม่ยอม ไม่ว่าจะปิดงวดเดียวหรือ 8 งวด ยอดก็ไม่ลงไปกว่านี้ค้ะ

รบกวนปรึกษาว่าควรทำอย่างไรต่อไป เพราะอยากจะปิด แต่กำลังทรัพย์ก็ไม่ไหวค่ะ

ปวดหัวจังเลยค่ะ ตะกี้เจ้าหน้าที่โทรกลับมาว่าให้ได้เท่านั้น 85,000 งวดเดียวหรือผ่อนได้ 8 งวด
ถ้าไม่ทำก็สืบทรัพย์ ตามระบบ แล้วบอกว่าจะไม่โทรมาอีกแล้ว ตามนั้น

ตกงานอยู่หรือเปล่าถ้าตกงานอยู่ ก็ไม่มีก็ยังไม่ต้องจ่ายครับต่อลองไปได้เลย

มีบ้านเป็นชื่อของตัวเองหรือเปล่าครับ ทรัพย์สินมีหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องไปกังวล แต่ถ้ามีงานใหม่เมื่อไร ก็ถูกอายัดเงินเดือน 30% ครับ ถือว่าเป็นการปลดหนี้อีกทางหนึ่ง เค้าไม่มีทางอายัดได้มากกว่า 30% ครับผม

ไม่มีทรัพย์สินใดๆ เป็นของตัวเองค่ะ ไม่มีบ้าน มีรถ

ส่วนงานลาออกมาแล้ว ทำเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ แต่บังเอิญว่าเพื่อนได้เอาชื่อเราใส่เป็นกรรมการบริษัทค่ะ

ทำเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ แต่บังเอิญว่าเพื่อนได้เอาชื่อเราใส่เป็นกรรมการบริษัทค่ะ
ในเมื่อคุณบอกว่าทำฟรีแลนซ์แล้วละก็ทุกอย่างก็จบ
ในการดำเนินการของเจ้าหนี้
มีอย่างเดียวคือการต่อรอง ในเมื่อทำฟรีแลนซ์
การตกลงจ่ายหนี้ควนทำการจ่ายแบบ h/c
เพราะทำได้ตลอดชีวิต สำหรับตกลงผ่อนรายเดือนนั้นเป็นวิธีของคนที่มีเงินเดือนทำงานบริษัท
ในกรณีนี้คนที่ทำงานบริษัทส่วนมากจะผ่อนจ่ายรายเดือนเป็นส่วนมาก
เพราะกลัวว่าถ้าเรื่องถึงบริษัทจะมีปัญหากับงานที่ทำได้ ไม่แน่ถ้าถูกบังคับคดี
ถึงถูกไล่ออกจากงานเลยก็มี
จึงทำให้คนที่ทำงานบริษัทมีเงินเดือนก็ต้องถูกมัดมือชกถ้าตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้
แต่ในกรณีคุณไม่ใช่ ทางออกของคุณเก็บเงินให้ได้มาดที่สุด
รอการเจรจาจากเจ้าหนี้ เจ้าหนี้รายไดไห้ส่วนลดมากที่สุดก็ตกลงจ่าย
การจ่ายหนี้ไม่จำเป็นต้องหมดหนี้ภายในเดือนนี้ปีนี้ บอกเลยว่าไม่จำเป็น สำหลับคนที่ไม่มีอะไรเลย
เพื่อนได้เอาชื่อเราใส่เป็นกรรมการบริษัทค่ะ
ก็ไม่เป็นไรนิ ถ้าบริษัทนั้นไม่มีเงินเดือนไห้เรา ใน ภงด 1 ก ของปี
ไม่มีปัญหา
แล้วที่ว่าเป็นกรรมการมีอำนาจเซ็นในบริษัทหรือเปล่าละ ถ้าไม่มีก็จบ
คำว่ากรรมการของคุณ ผมว่าเพื่อนของคุณนำชื่อของคุณไปถือหุ่นลมมากกว่า
ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่มีผลอะไรกับเรื่องเป็นหนี้บัตรเครดิตเลย

หาข้อมูลตัวเองเพิ่มเติมด้วยเรื่องที่มีชื่ออยู่ในบริษัท ว่าอยู่ในฐานะอะไร
โชคดี

Black Bird เขียน: ไม่มีทรัพย์สินใดๆ เป็นของตัวเองค่ะ ไม่มีบ้าน มีรถ

ส่วนงานลาออกมาแล้ว ทำเป็นฟรีแลนซ์ค่ะ แต่บังเอิญว่าเพื่อนได้เอาชื่อเราใส่เป็นกรรมการบริษัทค่ะ

หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=8746&Itemid=52


ไปอ่านให้หมดนะครับ

ขอย้ำว่า...ไปอ่านให้หมดจนถึงเนื้อหาที่อยู่ในด้านล่างสุดด้วย

มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะค่ะ
ชื่อของดิฉัน ถูกจดในหนังสือรับรองของบริษัท แต่ไม่ได้เป็นคนที่สามารถลงชื่อผูกพันบริษัทได้
แต่ในเอกสาร บอจ.5 เราจะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่และแสดงจำนวนหุ้นที่ถือในนั้นค่ะ

เราทำงานที่นี่ค่ะ แต่ตอนนี้คือมันยังเพิ่งเริ่มต้นเอกสารอะไรต่างๆ จึงไม่สมบูรณ์ คือในบริษัทก็ยังไม่ได้มีรายชื่อลูกจ้าง หรือส่งประกันสังคมอะไรเลย เพิ่งเปิดใหม่ยังไม่ได้เป็นระบบ

รายได้ที่ได้ เป็นเงินสด ก็เอาสำเนาบัตรประชาชนมารับปกติค่ะ ตรงนี้สามารถใช้สำเนาของน้องชายมารับแทนได้

คำถามที่สงสัยคือ จะสืบชื่อของเราเจอหรือไม่ค่ะ ว่าเราเป็นกรรมการในบริษัท ไม่แน่ใจว่าต้องหาข้อมูลในกรมพัฒฯ หรือป่าวค่ะ

มา Update ข้อมูลเพิ่มเติมนะค่ะ
หลังจากที่เจรจาต่อรองยังไม่สามารถเป็นผลที่ตัวเราจะชำระหนี้ไหว
ดิฉัน จึงได้โทรศัพท์ไปที่ทำงานเก่า เพราะหมายอายัดเงินเดือนอยู่ที่นั่น จึงได้ความว่าทางบริษัทเก่ายังไม่ได้แจ้งหนังสือกลับไปที่กรมบังคับคดีเลยค่ะ ตนเองจึงได้โทรศัพท์กลับไปสอบถามที่กรมบังคับคดี
จากนั้นจึงร่าง จม.ถึงฝ่ายบุคคล เรื่องแจ้งเรื่องลาออกของเรากลับกรมบังคับคดี เพราะตัวเราได้เตรียมข้อมูลทุกอย่างให้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่การส่ง จม.กลับ และรูปแบบจดหมาย เหลือแค่ฝ่ายบุคคลเราเซ็นและประทับตรางาน พร้อมแนบเอกสารการคัดชือออกของเรา ส่งกลับไป

เพราะในใจยังแอบมีลุ้นว่า ทางเจ้าหนี้คิดว่า ตัวเราให้ข้อมูลเท็จหรือป่าว เรื่องการลาออกจึงอายัดเงินเดือนไม่ได้ เพราะได้สอบถามข้อมูลทางกรมบังคับคดีว่า ได้คำตอบว่า หากเราลาออก และกรมบังคับคดีได้รับ จม.ยืนยันจากที่ทำงานเก่าแล้ว ทางกรมจะส่งเรื่องกลับไปทีเจ้าหนี้เรา หลังจากนั้นก็ดำเนินการขั้นต่อไป

ตอนนี้ยังรอฟังผลอีกรอบค่ะ หวังว่าจะได้ส่วนลดมากกว่านี้ค่ะ

ยังไงก็อยากจะรีบใช้หนี้ให้หมด เพราะยังมีตัวที่เหลืออีก 7 บัญชี ที่ต้องดื้อดึงเพราะยอดสูง เกรงว่าในระหว่างที่ผ่อนจ่ายตัวนี้ หากเจ้าหนี้เจ้าอื่นมา เราก็ไม่สามารถจ่ายได้เพิ่ม เพราะเวลา 8 เดือน ค่อนข้างยาวเลยทีเดียวค่ะ กว่ายอดผ่อนต่อเดือนหมึ่นกว่าบาท

สำหรับข้อมูลตรงนี้ หากใครมีข้อแนะนำ หรือมีข้อมูลมาแชร์กันนะคะ ส่วนตัวเราก็จะนำข้อมูลในกรณีของเรามาแชร์ให้ฟังเหมือนกันค่ะ ถ้าได้อะไรคืบหน้าหรือสรุปปิดอะไรที่เท่าไหร่แล้ว จะมาอับเดทข้อมูลอีกทีนะค่ะ

ขอบคุณคอมเม้นท์ ที่ได้ให้คำแนะนำมาด้วยค่ะ

คำถามที่สงสัยคือ จะสืบชื่อของเราเจอหรือไม่ค่ะ ว่าเราเป็นกรรมการในบริษัท ไม่แน่ใจว่าต้องหาข้อมูลในกรมพัฒฯ หรือป่าวค่ะ
เจอแน่นอนครับไม่ต้องไปสืบมันเป็นหน้าที่เจ้าหนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็ถอนชื่อออกก็จบ
การบังคับคดีแต่ละครั้งนั้นเจ้าหนี้ต้องแนบหนังสือรับรองบริษัทนั้นๆเพื่อทำการอายัดเงินเดือน
พนักงาน ในกรณีคุณให้ถือว่าเป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่งเจ้าหนี้บังคับคดีได้ครับ
แต่ว่าคุณได้เงินเดือนเกินหนึ่งหมื่นบาทหรือเปล่าถ้าเกินเจ้าหนี้อายัดได้ 30 % ถ้าต่ำกว่าหมื่นอายัดไม่ได้
รับเงินสดเป็นทางออกอีกอย่างหนึ่งแต่ไม่ใช่กรณีของคุณ
ถึงอย่างไรคุณก็โดนอายัดเงินเดือนในบริษัทใหม่อยู่ดี
การจดทะเบียนบริษัทนั้นได้หนังสือรับรองแล้วถือว่าบริษัทสมบูรณ์แล้ว
จะมีลูกจ้างหรือมีประกันสังคมหรือไม่
ไม่ใช่ประเด็น

เรื่องบริษัทเก่านั้นไม่ต้องทำอะไรแล้วครับมันเป็นหน้าที่ของบริษัทเก่าเป็นคนเดินเรื่องการลาออกของเรา
คนที่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ ยอมผ่อนรายเดือนไม่ใช่ทางออกที่ดี
จะต้องหาเงินมาผ่อนรายเดือนแล้วถ้าเดือนไหนไม่มีจ่าย
เงินที่จ่ายไปเป็น 0 โดนฟ้องยอดเต็มอีกด้วย เก็บเงินทำ H/C ดีที่สุด
ตัวเลขมันขึ้นได้ก็ลงได้เช่นกัน
เก็บเงินให้ได้มากที่สุดการ h/c ไม่ได้หมายความว่าจะผ่อนไม่ได้แต่ส่วนมากได้ผ่อนระยะสั้นเท่านั้นเอง
เช่น 3-4 เดือนเป็นต้น
โชคดีมีทางออก