ได้รับหมายศาลต้องขึ้นศาล 14/02/55 นี้

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #13424 โดย kidkurobar
วันนี้เป็นการขึ้นศาล ของบัตรเครดิตใบที่ 2 ค่ะ มาเลยค่ะว่าฟังข้อมมูลที่ดิฉันจะนำเสนอ

น่าจะเป็นประโยชน์มากๆๆกับทุกคนในตอนนี้ค่ะ

เป็นบัตรเครดิตของนครหลวงค่ะ แต่ปัจจุบันโดนโอนหนี้และกิจการให้ ธนชาติไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

ดิฉันมี บัตร 2 ใบค่ะ บัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อ ใบล่ะ 40,000 บาท รวมฟ้องรวมดอกเบี้ย อยู่ที่ 1 แสน

ต้นๆค่ะ มันรวมหนี้ 2 บัตรแล้วฟ้องค่ะ

ดิฉันได้คุยกับทางมัน ( ขอใช้คำว่ามันนะคะ เพราะมันสุดทนจิงๆ กับการกระทำของมัน )

ก่อนวันที่จะต้องไปศาลแค่ 2 วัน มันถามได้หมายศาลแล้วใช่ไหม ดิฉันบอกได้แล้ว มันถามว่าจะยังไง ..?

ดิฉันก็คุยถามว่า

ตรงนี้ถ้าปิดยอดเลยจะมีส่วนลดอะไรยังไง มันบอกต้องชำระตามภาระหนี้ที่แจ้งทั้งหมดไม่มีส่วนลด

ดิฉันเลยบอกถ้างั้นก็คงต้องคุยกันที่ศาล

พอวันนี้ เสาร์ที่ 2 / 6 / 55 มาที่ศาลเวลา 8.30 น. ในหมายศาลบอกนัดมาไกล่เกลี่ยและสืบพยาน

แต่ในใบรายชื่อที่ติดที่บอร์ดหน้าลิฟท์ที่ศาล บอกให้ไปที่บัลลังค์ 8 ดิฉันไม่ได้เอะใจอะไร เพราะที่ไม่ใช่

ครั้งแรกของการขึ้นศาลค่ะ คิดว่าขั้นตอนคงเป็นไปตามขั้นเหมือนที่เคยมา คือวันนี้นัดเพื่อคุยไกล่เกลี่ย

แต่ปรากฏว่าไกล่เกลี่ยค่ะ พอทนายของแบงค์มันมาก็เรียกลูกหนี้ที่มาออกมาคุยด้านนอกห้องแล้วก็ถามว่า

จะตกลงกันยังไง มี 2 ท่านที่ทางแบงค์มันคงคุยถึงยอดเงินที่ต้ิงชำระและระยะเวลา โดยยอดหนี้ของแต่

ละคนเป็นยอดหนี้ต้นและบวกดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ท่านก็พยายามพูดขอต่อรองแล้วแต่ทางทนาย ( 2 คน

นี้มาศาลเป็นครั้งแรกค่ะ ดูเขากลัวในคำที่ทนายแบงค์พูดทุกอย่าง แนะนำอะไรเขาก็เชื่อหมดเลย )

แบงค์มันยืนยันอย่างเดียวเลยว่าเป็นกฏของแบงค์ไม่มีส่วนลดอะไรเลย และกำหนดไม่ว่าจะยอดหนี้เท่า

ไหร่ให้เวลาแค่ 2 ปีเท่านั้นในการผ่อนชำระ ดอกมันคิดดอกร้อยละ 12 ต่อปี พอมาถึงฉันพอมันถาม ฉัน

บอกขอคุยกับทางศาล ( ลืมบอกค่ะว่าทนายของแบงค์เป็นผู็หญิง ทำพูดหวังดี แต่จิงๆ ไม่ใช่เลย )


นั่นคือวันนี้มีผู้พิพากษาขึ้นบัลลังค์ เลยค่ะ ตอนแรกก็งง...ไม่คิดว่าวันนี้จะต้องพูดต่อหน้าศาลกับ

ผู้พิพากษาเลย เพราะครั้งก่อนคือมีเจ้าหน้าที่ของศาล และทนายของแบงค์เข้ามาพูดไกลเกลี่ยกันธรรมดา

ในห้องเท่านั้น ยอมรับค่ะว่าดิฉันประมาทมากๆคิดว่าขั้นตอนแต่ละแบงค์ในการไปศาลเหมือนกัน

พอบอกว่าจะขอคุยกับศาลมันก็ไม่ได้คุยอะไรกะฉันมากมาย มันบอกว่าถ้าอย่างนั้นก็รอให้ศาลพิพากษาไป

ดิฉันก็เลยต้องนั่งรอผู้พิพากษาขึ้นบัลลังค์

เจตนาของดิฉันก็เพื่ออยากจะขอพูดต่อหน้าศาลโดยให้ศาลช่วยเป็นพยานและช่วยไกล่เกลี่ยกับทางแบงค์

สิ่งที่แบงค์ทำมันเกินกว่าเหตุไหมฟ้องทีเดียว 2 แล้วใครจะหามาจ่ายได้ ( เลว..และเอาเปรียบจิงๆนึก

ในใจค่ะ ) ดิฉันพูดต่อหน้าศาลว่ามีการเจรจากับทางแบงค์แล้วว่าจะปิด แต่ขอจ่าย 2 เดือน เท่านั้น

เดือนละใบพร้อมกับขอส่วนลดให้บ้าง ไม่ใช่เต็มจำนวนขนาดนี้ แต่มันพูดยึนยันอย่างเดียวเลยว่าเป็น

กฏ ไม่สามารถลดได้ ศาลก็พูดไม่ออกบอกจิงๆทางคุณต้องคุยกันเอง ทางทนายแบงค์มันพูดว่าทาง

จำเลยไม่ยอมรับเงื่อนไข ของทางแบงค์เลย ใครจะไปรับแม่งเล่นฟ้องเกินเงินที่เอามาโดยไม่ลดอะไรให้

เลย ( อันนี้คิดในใจค่ะ ) ทางผู้พากษาก็ถามดิฉันว่าดิฉันจะเอายังไง จะยื่นคำร้องไหม ( หรือสู้นั่นแหละ )

แล้วผู้พิพากษาก็พูดอีกว่า ก็จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งดิฉันหยุดคิดว่าจะยังไง

ดิฉันพูดว่าจะขอเลื่อนไปก่อน ได้ไหม เพื่อขอเจรจากันอีกที อีทนายก็พูดขึ้นมาว่าคุยไปคุณก็ไม่รับเงื่อนไข

ทางแบงค์ก็ไม่รับขอเสนอที่ฉันขอ เลื่อนก็ไม่มีประโยชน์ ท่านผู้พิพากษาก็พูดว่าถ้างั้นให้ศาลพิพากษา

ไปเลยแล้วกัน ยังไงศาลก็จะมาดูในเรื่องของดอกเบี้ย ฯลฯ พอฟังจบดิฉันเลยคิดว่างั้นให้ศาลพิพากษาไป

เลยแล้วกัน อย่างน้อยฉันไม่ได้ประนอมหนี้บัตรแต่อย่างใด ยังไงให้ศาลพิพากษาไป ฉันก็ไม่ต้องจ่ายทั้ง

หมดหรือจ่ายยอดเต็มจำนวน ดิฉันเลยจบโดยการตัดสินใจให้ศาลพิพากษาไปในวันนี้


ซึ่งพอจบแล้วออกมาจากห้องดิฉันรู้สึกว่าไม่ใช่และ รู้สึกว่าพลาดยังไงบอกไม่ถูก รู้สึกไม่สบายใจ

เลย จากนั้นเลยกดโทรศัพท์โทรหาอาจาย์ไพโรจน์ ซึ่งจิงๆแล้วควรจะโทรหาอาจารย์ก่อนหน้านี้

เพราะความที่คิดว่าตัวเองแน่นและเพราะติดตามข้อมูลต่างๆ ในเวปคนปลดนี้มาก็เกือบ 2 ปีและคิดว่าเอาอยู่

แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอเหตุการณ์นี้ ที่มันเร็วและรวบรัด ขอลดมันก็ยืนยันไม่ลดเลย

คำตอบของอาจาร์ย คือ ทำไมไมสู้ เพราะศาลหรือผู้พิพากษาไม่ได้ช่วยเราอย่างที่เราคิด

เขาก็ตัดสินให้เราแพ้ เพราะศาลไม่สามารถมานั่งคำนวณดอกเบี้ยที่เกินจิงได้มากเท่าไหร่ หรืออะไรที่มัน

มีแอบแฝงอยู่หลายๆอย่าง ฟังแล้วดิฉันซีดค่ะ อึ้งเลย พลาดอย่างแรง ก็คงต้องรับสภาพหนี้ไป ผลยังไม่

ได้แจ้งแต่ก็น่าจะพอทราบข้อสรุปแล้ว ก็ถือว่าแล้วให้แล้ว ส่วนแบงค์ที่เหลืออยู่ ฉันจะสู้กับมันเต็มที่ค่ะ

ถึงมันจะหลือไม่เยอะแล้ว แต่ที่เหลืออยู่แบงค์โหดๆ ทั้งนั้น อาจารย์บอกสู้ได้ เราสามารถรวบรวมข้อมูล

ที่มันคิดดอกเบี้ยเกินกับเรา และยังได้ยืดเวลาออกไปอีกด้วยค่ะ นั้นหมายถึงถ้ามีฟ้องมาอีกต้องขอสู้คดี

อย่างเดียวค่าทนายก็ไม่ได้แพงรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องเสีย จ้างทนายคุ้มกว่าค่ะ ชนะคดีเราก็เสีย

ให้มันน้อย

ดิฉันเลยอยากเอาเรื่องราวที่ดิฉันประสบในวันนี้ นำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ลองพิจารณาและลองตัดสินใจ

ว่าเราจะทำอย่างไรถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ค่ะ เพราะยิ่งเรารู้ทันมันมากมันก็หาวิธีแก้เหมือนกันว่ามันจะ

เอาชนะเรายังไงค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #13425 โดย Benten
ขอบคุณเรื่องราวประสบการณ์ครับคุณ anonae

เป็นกำลังใจให้นะครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #13426 โดย Nok2865
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=9240&Itemid=29 ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับหน้าที่ของศาล
ไหนคุณบอกว่า " เอาอยู่" อ่านข้อมูลในนี้มากว่าสองปี
คุณไม่รู้เลยหรือว่าไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะมาลดยอดเงินต้นให้กับทางจำเลย ศาลท่านต้องตั้งอยู่บนความเป็นกลาง ให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
เรื่องเจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คุณรู้แล้วทำไมไม่สู้คดี
แล้วเรื่องฟ้องรวมสองใบ หลายๆแบ็งค์ก็ทำแบบนี้เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจ้างทนาย KTC เป็นตัวอย่างฟ้องรวมที่ชัดเจนที่สุดแต่เวลาจ่ายก็เฉลี่ยในการจ่ายไป หรือจะแฮร์คัททีละใบก็ได้
คุณพูดคุณบอกตลอดว่าอ่านมาแน่น เอาอยู่ แต่ที่ผ่านมาคุณตอบโจทย์ไม่ผ่านเลย
แล้วเราจะแนะนำคนเก่งแบบคุณอย่างไร
ขออีกเรื่องมีอะไรให้มาต่อกระทู้เดิมตัวเองไม่ต้องตั้งกระทู้ใหม่ เรื่องราวจะได้ต่อเนื่อง เพื่อนรู้ที่ไปที่มา
คุณไม่ต้องชอบกอบัวก็ได้ คุณอาจจะเคืองในคำตอบ แต่กรรมการก็ไม่ต้องการให้สมาชิกประมาทในการแก้ไขปัญหาหนี้ตนเอง

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

11 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมา #13450 โดย Pych
ตามที่พี่กอบัวบอกไว้เลยครับ
แต่ถึงอย่างไรก็ดี คราวนี้ ผมว่าคุณ anonae น่าจะได้บทเรียน
ที่คุณจะจำไปอีกนาน และจะได้ไม่พลาดแบบนี้อีก

นอกจาก ธนชาติ กับ KTC แล้ว
ตัวผมเองก็โดนกสิกรไทยฟ้องรวมสามบัตรเหมือนกันครับ
ตอนนี้ก็ประนอมยอมความหน้าศาล
ผ่อนแบบขั้นบันได สามปีหมด (ดอกเบี้ยร้อยละ 13 ต่อปี)

อ่านเยอะๆ นะครับ ขนาดตัวเองยังเข้ามาอ่าน หาความรู้อยู่เรื่อยๆ เลยครับ
อย่าคิดว่าตัวเองรู้ดีพอ หรือรู้หมดแล้วครับ ความประมาทมักทำให้เราพลาดได้ครับ
เคยได้ยินเรืองน้ำครึ่งแก้วไหมครับ



"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Benten

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.431 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena