ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2485 โดย Bancha19
วันนี้ได้มีพนักงานจาก บริษัททนายความ โทรเข้ามาที่ อบต.ตามที่อยู่ในบัตร ให้ดิฉันติดต่อกลับหลังจากที่ติดต่อกลับเขาก็แจ้งยอดหนี้รวมยอดอื่นๆ 58,000 กว่าบาท เงินต้น 37,000 กว่า ขอผ่อนชำระก็ไม่ยอมให้นอกจากจะยอมจ่ายครึ่งนึงของ 58,000 ที่เหลือจึงยอมให้ผ่อนชำระได้ตามค่างวดสินค้าที่เคยผ่อนต่อเดือนก็อยู่ที่ประมาณ 5000 ต่อเดือน แต่ถ้าจ่ายยอดเงินต้น 37,000 จะลดดอกเบี้ยให้แต่ถ้าไม่จ่ายก็ส่งฟ้องศาล ดิฉันได้โทรปรึกษาคุณอา คุณอาบอกว่าให้รอฟ้องศาลและดูว่าดอกเบี้ยคิดตามจริงหรือเปล่าดิฉันไม่กล้าถามมากเกรงใจท่าน เลยขอถามผู้รู้ช่วยตอบให้หน่อยนะค่ะว่ากรณีไปศาลจำเป็นไหมค่ะที่เราต้องพาทนายไปด้วย(พอดีไม่ค่อยมีเงินนะค่ะ) แต่ถ้าไม่มีทนายดิฉันกลัวว่าเราจะเงอะๆงะๆทำไรไม่ถูกต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดีต้องทำอย่างไรต่อนะค่ะ ก่อนหน้านี้ได้อยู่ที่กทม.แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ต่างหวัดที่ผ่านมาเพิกเฉยคิดว่าเพื่อนได้จ่ายหมดแล้วเพราะว่าเรื่องมันก็ผ่านมา 2 ปีกว่าใบแจ้งหนี้ก็ให้ส่งตามที่อยู่เพื่อนตลอดติดต่อไปอีกครั้งก็ติดต่อไม่ได้แล้ว ถามเยอะไปนิดนึงขอโทษด้วยนะค่ะมันเครียดอึดอัดไม่รู้จะปรึกษาใครถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาขอคำปรึกษาใหม่ค่ะ (กลุ้มใจจังต้องมาแบกรับภาระแทนต้องทำใจเพราะเป็นบัตรของเรา)

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2486 โดย Champcyber99
การไปศาลไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เมื่อมีหนี้แล้วเราไม่มีจ่าย หรือตกลงประนอมหนี้ก็ไม่ได้ Hair-Cut เจ้าหนี้ก็ไม่เอาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วครับสำหรับเจ้าหนี้และลูกหนี้พึ่งศาลกันอย่างเดียวสิ่งที่ลูกหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือ นับแต่วันแรกที่เราเบี้ยวไม่จ่าย เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องร้องได้ภายระยะเวลา 2 ปีครับ เลยจากนี้จะฟ้องก็ยังฟ้องได้อยู่แต่โอกาสยกฟ้องก็มีโอกาสสูง เพราะคดีหมดอายุความก่อนจะหยุดจ่ายจดจำวันสุดท้ายหรืองวดสุดท้ายที่เราจ่ายออกไปเพราะหากฟ้องหลังคดีหมดอายุความแล้วใช้ประเด็นนี้ตั้งต้นก่อนนะครับว่าเป็นหนี้แล้วถูกฟ้องมันเป็นคดีแพ่งไม่ใช้คดีอาญาคดีแพ่งไม่มีติดคุกครับสบายใจตรงนี้ก่อน(ไม่เกี่ยวกับตำรวจ) การถูฟ้องไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายก็ดีอย่างที่ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยคือการดึงเวลาครับซื้อเวลาได้พักใหญ่นั่นเองการซื้อเวลาให้มองในแง่ดีครับเพียงแต่ของมีเวลาตั้งหลักจะหาเงินมาใช้หนี้หรือหาเงินไว้เพื่อเป็นทุนของครอบครัวไว้ใช้จ่ายต่อฉุกเฉินได้อีกถ้าหมายศาลมาถึงบ้านเราแล้วทำอย่างไรดีเราต้องไปศาลครับในเมื่อไหนๆๆก็ไหนแล้วหมายศาลมาถึงห้องนอนถ้านิ่งเฉยนิ่งเฉยเท่ากับเราแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้วครับบางคนบอกว่าไม่อยากสู้ไม่อยากเสียค่าทนายมองในแง่ดีไว้ก่อนที่เราต้องไปศาลอันนี้เผื่อฟลุ๊คครับกรณีขาดอายุความคือเรื่องผ่านมาแล้วสองปีอันนี้ส้มหล่นครับเพราะเรามีสิทธิ์ร้องให้ศาลยกฟ้องได้เลยเพื่อเราไปเรียกร้องความถูกต้องของยอดหนี้บางครั้งยอดหนี้ฟ้องไม่ถูกต้องคือฟ้องมากเกินความเป็นจริงเกิดขึ้นได้นะครับเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกับศาลให้พิจารณาในเรื่องดอกเบี้ยเพื่อเจรจาขอประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลหรือสัญญาผ่อนเมื่อถึงบัลลังก์ศาลแล้วส่วนใหญ่ถึงเวลาที่เจ้าหนี้ของเราจะมีข้อเสนอครั้งสุดท้ายมานำเสนอเราทันทีเลยว่าจะลดให้เราเท่าไหร่ผ่อนกี่เดือนแน่นอนครับที่เจ้าหนี้นำเสนอเพราะต้องการให้เคสจบครับหรือปิดคดีให้เร็วที่สุดเพราะอย่าลืมว่าคดีเหล่านี้มีมากจนคนไม่พองานถ้าเราตกลงก็จบครับถ้าไม่ตกลงก็เท่ากับว่าเปิดศึกรบแล้วครับสู้กันยาวนัดสืบพยานกันต่อไปแต่ก่อนจะถึงหน้าศาลนี้มีการตกลงกันที่เรียกว่าตกลงนอกศาลอีกครับก็คนของแบงค์ก็เดินเร่ขายหรือมานำเสนอส่วนลดหน้าห้องพิจารณาคดีให้เราอีกครั้งหนึ่งถ้าเราอยากจบเร็วๆๆก็จะมาตายตรงนี้กันเยาะเพราะเราได้ส่วนลดที่เราพอใจมากๆๆถ้าเราตกลงตรงนี้ก็เซ็นเอกสารยอมความกันไปเราทราบข้อดีแล้วข้อเสียถ้าเราไม่ไปศาลก็จบเลยครับจบจริงๆๆเพราะว่าศาลก็จะตัดสินคดีตามคำฟ้องที่เจ้าหนี้ยื่นศาลมาทั้งหมด เจ้าหนี้เขียนดอกเบี้ยค่าปรับมาเท่าไหร่เราก็ต้องจ่ายเท่านั้นถ้าเราไม่ไปศาลเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เราเสียเปรียบทันทีครับ กฎหมายแพ่งไม่มีการขังคุกโทษสูงสุดคือฟ้องล้มละลาย(กรณีมีมูลหนี้เกิน1ล้านบาท) คดีแพ่งเมื่อจำเลยไม่ไปศาลศาลจะตัดสิทธิ์จำเลยยกผลประโยชน์ให้โจทก์(เพราะจำเลยเพิกเฉยหมายศาล)เมื่อเรื่องถึงศาลแล้วดอกเบี้ยหยุดคิดต่อไม่ได้ โอกาสที่เกิดขึ้นได้เมื่อเราสู้คดีและให้ศาลตัดสินจนถึงที่สุดมี 3 ทาง 1. ลูกหนี้ชนะไม่ต้องจ่าย 2. เจ้าหนี้ชนะลูกหนี้ต้องชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่ศาลสั่ง 3. เจ้าหนี้ชนะลูกหนี้ชำระหนี้ไม่ได้ตามเงื่อนไขที่ศาลสั่ง เจ้าหนี้ดำเนินการบังคับคดีทำได้ 2 รูปแบบคือ 1. ยึดทรัพย์ 2. อายัดเงินเดือน

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2516 โดย Pych
ขอนำแนวทางการไปศาลของคุณเก่ง Familyman ที่แนะนำไว้ ดังนี้ครับ

เมื่อได้รับหมายศาลแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง

1.ให้ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆในหมายศาล ดังนี้
- ดูว่าจะฟ้องที่ศาลไหน กำหนดวันขึ้นศาลเมื่อไร จะได้จัดตารางได้ถูกต้อง หากจำเป็นต้องลาล่วงหน้าจะได้แจ้งหัวหน้าไว้ก่อน
- ดูรายละเอียดเกี่ยวกับยอดหนี้ของคุณ เช่น ยอดตอนที่คุณหยุดจ่ายเท่าไหร่ และยอดที่ทางเจ้าหนี้ยื่นฟ้องว่าเป็นยอดทั้งหมดเท่าไหร่ เงินต้นเท่าไร ดอกเบี้ยเท่าไหร่
- หากเจ้าหนี้เค้าฟ้องศาลพื้นที่ที่ไม่ใช่ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของคุณ ก็ยกประเด็นนี้ขึ้นสู้ (เนื่องจากคดีผู้บริโภคต้องฟ้องพื้นที่ที่จำเลยมีทะเบียนบ้านอยู่เท่านั้น)

2.ตรวจสอบดูว่าทางเจ้าหนี้ฟ้องเกินอายุความฟ้องหรือไม่ โดยบัตรเครดิตอายุความฟ้อง 2 ปี ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลมีอายุความฟ้อง 5 ปี นับจากวันที่คุณผิดนัดชำระครั้งแรก.... หากเกินอายุความก็ยกประเด็นนี้ขึ้นสู้ หรือถ้าเกิดมีผีหยอดเงินเข้าไปเพื่อต่ออายุความให้คุณ ทั้งๆที่กำลังจะหมดอายุความแล้ว แบบนี้ก็สู้เหมือนกันครับ (แต่จะต้องทำอย่างไรไปหาอ่านในกระทู้เก่าเอง)

3.พิจารณาตัวคุณเองในเรื่องต่างๆ ดังนี้
-ว่ามีเงินก้อนในมือหรือไม่ จำนวนเท่าไหร่
-หากไม่มีเงินก้อนในมือมีความสามารถในการผ่อนชำระในแต่ละเดือนมากน้อย
-มีหนี้ที่ได้รับหมายศาลมากน้อยเท่าไหร่ หนี้ที่ฟ้องแล้วอยู่ในระหว่างขั้นตอนใดบ้าง
-ในอนาคตอันใกล้จะได้รับเงินก้อนเข้ามา เช่น โบนัส หรือไม่ จำนวนเท่าไหร่

4.พิจารณาว่าทางเลือกต่างๆ และกำหนดจุดยืนที่เหมาะสมกับตัวคุณ โดยมีทางเลือกต่างๆดังนี้

4.1ไปเพื่อเจรจาหน้าศาล ขอ Haircut ปิดบัญชี
การไปเจรจา Haircut หน้าศาล เมื่อคุณไปศาล ทนายโจทก์จะเข้ามาพบคุณเพื่อเสนอเงื่อนไขของทางโจทก์ว่ามีอะไรบ้าง คุณก็สามารถเจรจาเพื่อขอส่วนลดปิดบัญชีได้ ในการเจรจานั้นบางทีก็สามารถเจรจากับทนายโจทก์ได้เลย แต่บางทีหากทนายโจทก์ไม่ได้รับมอบอำนาจในการเจรจากับลูกหนี้มา ทนายโจทก์ก็จะให้เบอร์ติดต่อเพื่อให้คุณโทรติดต่อไปเจรจาตอนนั้น หากได้ส่วนลดที่คุณต้องการ และเงินก้อนในมือพร้อมคุณก็สามารถทำการ Haircut ได้ กรณีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีเงินก้อนในมือพร้อมเท่านั้น

4.2 ไปเพื่อเจรจาหน้าศาลผ่อนชำระเป็นงวดๆ
กรณีนี้จะคล้ายกับกรณี 4.1 เพียงแต่กรณีนี้คุณไม่มีเงินก้อนในมือ คุณก็สามารถเจรจาขอผ่อนชำระได้ หากข้อเสนอที่ฝ่ายโจทก์เสนอมา คุณคิดว่าคุณสามารถผ่อนชำระได้ คุณก็สามารถทำยอมหน้าศาลได้ กรณีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีเงินเหลือสำหรับใช้หนี้ในแต่ละเดือนมากพอใน ระดับนึง และมีหนี้ที่ทยอยฟ้องไม่กระชั้นชิดกัน แต่กรณีนี้มีข้อเสียคือ หากคุณทำยอมหน้าศาลแล้ว และต่อไปคุณเกิดปัญหาด้านการเงินจนผ่อนไม่ไหว เจ้าหนี้เค้าสามารถร้องต่อศาลขอบังคับคดีได้เลย โดยที่ไม่ต้องทำเรื่องฟ้องอีกครั้ง

4.3ไปเพื่อขอเลื่อนนัดศาล
การไปขอเลื่อนนัดพิจารณา คุณสามารถทำได้โดยไปศาลและแจ้งต่อศาลว่าขอเลื่อนพิจารณาคดี ซึ่งการขอเลื่อนคุณต้องเตรียมเหตุผลไปให้ดี เช่นคุณแจ้งต่อศาลว่าขอเลื่อนเพื่อสู้คดี ศาลท่านจะถามคุณว่าคุณจะสู้ในประเด็นอะไร ดังนั้นคุณต้องทำการบ้านไปพอสมควร แต่ผมแนะนำว่าควรจะใช้เหตุผลว่าขอเลื่อนเพื่อไปเจรจาต่อรองกับโจทก์อีกครั้ง นึงจะดีกว่า ส่วนศาลท่านจะเลื่อนนัดให้คุณมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับศาลแต่ละพื้นที่ หากเป็นศาลพื้นที่ที่มีคดีเยอะคุณก็อาจได้เลื่อนนัดไปได้นาน มีเพื่อนคนนึงในเวปสามารถขอเลื่อนนัดได้เกือบ 10 เดือนเลยครับ แต่กรณีของผมขึ้นศาลแขวงธนบุรี ศาลท่านจะให้เลื่อนนัดได้ประมาณ 2 เดือน เมื่อศาลท่านเลื่อนนัดให้คุณ คุณก็สามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ได้ หาก Haircut ได้ก็ Haircut ไป แต่ถ้า Haircut ไม่ได้จริงๆ เมื่อถึงกำหนดนัดศาลอีกครั้ง และคุณต้องการจะสู้คดี คุณก็สามารถสู้คดีได้ ข้อดีของกรณีนี้คือคุณสามารถยืดเวลาออกไปได้ เหมาะสำหรับคนที่เก็บเงินใกล้ที่จะ Haircut ได้ หรือในอนาคตอันใกล้จะมีเงินก้อน เช่น โบนัสเข้ามา
ป.ล.ปัจจุบันนี้เนื่องจากการฟ้องร้องคดีบัตรเครดิตและสินเชื่อ เปลี่ยนจากใช้ วิ.แพ่งมาเป็น วิ.ผู้บริโภค ดังนั้นการขอเลื่อนนัดศาลจะขอเลื่อนไม่ได้นานเหมือนสมัยก่อน

4.4ไปเพื่อสู้คดี
การสู้คดีนั้นสามารถไปยื่นคำให้การด้วยวาจา หรือโดยลายลักษณ์อักษร ก็ได้ แต่แนะนำว่าควรยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร และควรจะให้ทนายหรือผู้รู้เป็นผู้ร่างคำให้การ คุณไม่ควรที่จะเอาคำให้การสู้คดีของผู้อื่นมาดัดแปลง เนื่องจากว่าคดีต่างกัน ประเด็นต่อสู้ทางกฎหมายก็ต่างกัน การสู้คดีมีค่าใช้จ่าย ดังนั้นคุณต้องดูก่อนว่าคดีของคุณเป็นคดีอะไร มีประเด็นที่สามารถต่อสู้ได้หรือไม่ และถ้าสู้แล้วสิ่งที่ได้กับสิ่งที่เสีย คุ้มกันหรือไม่ ข้อดีของการสู้คดีคือมูลหนี้ที่ฟ้องลดลง และคุณมีเวลาเก็บเงินเพื่อ Haircut เพิ่มขึ้น หลังจากศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว คุณยังสามารถเจรจา Haircut ได้อีก แต่ข้อเสียคือ หากศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว และคุณยังไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้เค้าสามารถร้องต่อศาลขอบังคับคดีได้
คดีบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยน่าสู้คดี เนื่องจากสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยค่อนข้างถูกต้องแล้ว ถึงสู้คดีไปก็อาจได้ลดมูลหนี้ที่ฟ้องไม่มาก ซึ่งไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป ส่วนคดีสินเชื่อส่วนบุคคลของนอนแบงก์แนะนำว่าน่าจะสู้คดีครับ โดยเฉพาะควิกแคซ
ป.ล. ถ้าต้องการสู้คดี นัดแรกที่คุณไป คุณต้องไปยื่นคำให้การสู้คดีทันที

4.5ไปเพื่อขอความเมตตาจากศาลท่าน (ไม่สู้คดี)
กรณีนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่โดนเจ้าหนี้หลายๆรายฟ้องพร้อมๆกัน ไม่มีเงินก้อนในมือ คาดว่าไม่สามารถผ่อนชำระได้แน่นอน ถึงจะยืดเวลาออกไปก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก เป็นคดีที่ไม่มีประเด็นต่อสู้ ซึ่งคิดว่าการอายัดเงินเดือนเป็นทางออกทางเดียว กรณีนี้หากคุณไม่ลำบากในการไปศาลมาก ก็ไปศาลเพื่อขอความเมตตาจากศาลขอให้ศาลท่านเมตตาตัดในส่วนของดอกเบี้ยผิดนัด ชำระหรือค่าปรับลง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดี กรณีนี้คุณต้องดูด้วยนะครับว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรหรือไม่

*************************************************************

ลองตัดสินใจดูว่า คุณจะเลือกแนวทางไหน

"Credit card is the path to the dark side. Credit card leads to eager. Eager leads to avarice. Avarice leads to debt. Debt leads to suffering and dark side."
Anakin.Debt

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2607 โดย Bancha19
วันนี้มีเจ้าหน้าที่โทรมาบอกว่าเป็นพนักงานของบัตรเครดิตที่ดิฉันเป็นหนี้อยู่ที่เค้าโทรมาเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานทนายความแจ้งไปว่าดิฉันไม่ได้ติดต่อกลับหา(เมื่อวานนี้ดิฉันได้คุยกับสำนักงานทนายความว่าจะขอปรึกษาญาติก่อนแต่ไม่ได้บอกว่าจะติดต่อกลับวันไหน) พนักงานของบัตรเครดิตได้ยื่นข้อเสนอมาใหม่ คือให้จ่ายแค่ครึ่งหนึ่งของ 58,000 คือ 29,000 แล้วจะปิดบัญชีให้เลย ดิฉันขอเวลาเค้าประมาณ 2 เดือนได้ไหม เค้าบอกว่ามันนานไป (รู้คะว่าเป็นหนี้ก็ต้องจ่ายแต่ขอทยอยจ่ายไม่ได้เหรอถ้ามีเงินจ่ายให้ไปนานแล้วคดีแบบนี้ยืดเยื้อสร้างความลำบากให้ตัวเองเปล่าๆ อันนี้แค่นึกในใจนะคะไม่ได้พูดออกไป) ดิฉันก็เลยบอกให้ทำตามขั้นตอนของทางบริษัทไปเลย เค้าเลยบอกว่าจะแจ้งไปกับเจ้าหน้าที่คนเก่าให้โทรหาอีกครั้ง คิดอีกทีก็ตลกดีนะเมื่อวานยื่นคำขาดกับเราว่าต้องจ่ายยอดเท่านี้เท่านั้นแต่มาวันนี้กลับบอกให้จ่ายอีกยอด ขอบคุณ คุณ chaowalert และ คุณ Anakin มากๆ นะคะสำหรับคำำตอบสบายใจขึ้นเยอะเลย รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่คำถามของเรายังมีคนให้ความสำคัญเข้ามาตอบ เป็นกำลังใจให้ทำดีต่อไปนะค่ะ สู้ สู้

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 3 เดือน ที่ผ่านมา #2608 โดย Champcyber99
สำหรับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้เสนอมาให้ ก็มีตั้งแต่ 30% , 40% , 50% , 60% , 70% แล้วแต่เงื่อนไขการเจรจา , เทคนิคการต่อรอง และความ“เน่า”ของหนี้ที่หยุดจ่ายเพียงแต่อยากให้มองว่า เงื่อนไขที่ทางเจ้าหนี้เสนอมานั้น เราจ่ายไหวไหม? น่าสนใจและรับได้หรือเปล่า? อย่าไปมองเพียงแค่ต้องการให้ได้ส่วนลดเยอะๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ให้พิจารณาว่าถ้าเราจ่ายไปแล้ว เราจะได้ลดเจ้าหนี้ไปอีกหนึ่งรายได้ลดศัตรูในการทวงหนี้ไปแล้วอีกหนึ่งที่ ที่เหลือก็ค่อยๆมาปลดหนี้ทีละรายต่อไป ตามกำลังและความสามารถแต่ต้องจ่ายไหวจริงๆนะ ห้ามไปกู้หนี้ยืมสินที่ต้องเสียดอกเบี้ยจากที่อื่นมาปิด Hair-cut อีก มิฉะนั้น มันจะไม่มีวันจบสิ้นถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถปลดหนี้ได้โดยเร็ววัน
ไฟล์แนบ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.541 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena