ปิดบัญชีไปกว่า4ปีมาวันนี้ธนาคารบอกไม่ทราบเรื่อง

ขอคำแนะนำเป็นแนวทางครับ....คือผมเป็นหนี้ธนาคารยูโอบีทั้งบัตรและเงินกู้และได้ถูกฟ้องตั้งแต่ปี 49(ฟ้องรวม)ก็ทำการผ่อนชำระมาเรื่อยๆจนสักปี 51 ทางสำนักกฎหมายยื่นข้อเสนอให้ส่วนลดมาผมจึงไปจ่ายตามข้อเสนอ
ส่งและแฟกซ์ไปทางสำนักฯว่าจะส่งใบปลดหนี้มาให้..รอนานพอสมควรก็ไม่ได้ส่งมาก็สอบถามไปก็ว่าให้รอแต่ก็ไม่มีมาผมก็ดันปล่อยเลยตามเลย..จมมาเมื่อต้นเดือนนี้มีสำนักงานกฎฯอีกแห่งนึงมาตามทวงถามหนี้เงืนกู้ยูโอบี
เป็นจำนวน6หมื่นกว่าบาทเนื่องจากไม่มีการชำระหนี้แต่ปี 51เป็นต้นมา???
ผมจึงพยายามหาเอกสาร(ไม่ได้เก็บแล้วเพราะเข้าใจว่าจบไปแล้ว)จนได้เอกสารทวงหนี้ของสำนักงานแรกปี51และได้โทรติดต่อกับไปสอบถามก็ได้รับคำอธิบายถึงจำนวนเงินและวันเวลาที่ได้ชำระเข้าไปพร้อมทั้งเวลาที่ทางสำนักงานได้ส่งเรื่องขอจบบ/ชกับแบงค์พร้อมคำชึ้แจงว่าเรื่องจบไปแล้ว..ให้ผมไปขอเอกสารที่บูโรมายืนยันซะ ผมจึงขอรบกวนให้ประสานกับสำนักงานกฎฯแห่งใหม่ให้ที.......พอเย็นมาอีกวันทางสำนักงานกฎฯแรกก็โทรกลับมาและบอกว่าเนื่องจากมีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่และผมที่ผิดไม่ยอมตามใบปลดหนี้มาให้ได้ฉะนั้นจากหนี้6หมื่นกว่าให้ไปชำระอีก 5000 บ.แล้วทางสำนักงานฯแรกจะออกใบปลดหนี้และยื่นถอนเรื่องจากกรมบังคับคดีให้???
ผมต้องทำยังไงดีครับ...อ้อลืมบอกไปตอนปี51ที่ผมไปชำระปิดที่16000บ.โดยทางสำนักงานฯไปแยกจ่ายบัตร9700บ.เงินกู้6300บ. พอมาตอนนี้เงินกู้ยังคงสถานะหนี้อยู่แต่บัตรดันจบไปแล้วทั้งที่ชำระพร้อมกัน???

ก่อนที่คุณจ่ายไป คุณได้หนังสือยืนยันให้ชำระปิดที่ บัตร9700บ.เงินกู้6300บ
หรือเปล่า อย่าบอกว่า ไม่นะ

รู้ไหมว่า กี่หลายแล้วที่เชื่อใจสนง กม แล้วต้องเสียรู้ เสียโง่ไปให้
เขาหัวเราะ

คุณไปตรวจบูโรหรือยังว่า สถานะเป็นยังไง ณ ตอนนี้ และไปขอเอกสาร
จากแบงค์ (ถ้าคุณไม่เก็บอะไรเพื่อป้องกันตัวเองไว้เลย) ว่า ณ วันที่ คุณไป
ชำระยอดทั้ง 2 มีเข้าบัญชีไหม แต่ตรวจจากบูโรน่าจะเห็นนะ ก่อนที่จะไป
คุยกับแบงค์และสนง กม อีก อย่าลืมตรวจสอบกับแบงค์ว่า มอบหมาย
สนง กม นี้มาทวงต่อจริงไหมค่ะ

ถ้าในกรณี ที่เจอว่า ข้อมูลในบูโรแจ้งว่า ยังค้างชำระ คุณก็โทรไปไล่บี้
กับแบงค์ซิค่ะ ว่าตอนนั้น มอบหมายให้ สนง กม นี้ มาคุยจริงไหม ถ้าจริง
ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำการตกลงจ่ายตามยอดที่เข้าไปแล้ว ยืนยันนอนยันข้อตกลง
ที่ทำไว้ คงต้องระลึกชื่อ และสนง กม ให้ดีค่ะ

คุณคงต้องใช้เทคนิคการพูดหว่านล้อมให้เขายอมลดหนี้ลงให้มากที่สุด
และควรตรวจสอบตัวเองเอาเขามาใช้เท่าไร จ่ายคืนไปเท่าไรแล้ว คง
เหลือค้างประมาณเท่าไร หากยอดเหลือมากกว่า 5000 ก็ควรรับเงื่อนไข
เขา ที่เขาบอกว่า จ่าย 5000 แล้วจบจริง

แต่ช่วยอย่าลืมขอหนังสือยืนยันมาด้วยแล้วค่อยจ่ายค่ะ คราวนี้ช่วยใส่กรอบ
ไว้ด้วยนะค่ะ เตือนตัวเองว่า อย่าชะล่าใจ อย่าประมาท อย่าไว้ใจใครง่ายๆ

มียอดชำระเข้าไปแล้วครับทั้ง 2 ยอดจากการชีแจงของสำนักงานฯแรกและของทางบัตรก็มีการปิดยอดไปแล้วเหลือแต่ของเงินกู้ที่มีปัญหา...เช็คกับทางธนาคารก็ว่ามีแต่บ/ชเงินกู้ที่ค้างอยู่ มีชำระเข้าสุดท้าย 6700บ.
แต่ไม่เห็นมีส่งเรื่องขอปิดเข้ามาเลยทั้งที่ดำเนินการพร้อมกันทั้ง 2 เรื่อง้แต่จบแค่เรื่องเดียว

zic เขียน: ปี 51 ทางสำนักกฎหมายยื่นข้อเสนอให้ส่วนลดมาผมจึงไปจ่ายตามข้อเสนอ
ส่งและแฟกซ์ไปทางสำนักฯว่าจะส่งใบปลดหนี้มาให้..รอนานพอสมควรก็ไม่ได้ส่งมาก็สอบถามไปก็ว่าให้รอแต่ก็ไม่มีมาผมก็ดันปล่อยเลยตามเลย..

quote]

ทั้งหมดที่ผ่านมา "ผิดพลาด" ตรงนี้แหละครับ ไปจ่ายเงินโดยที่ไม่ได้รับหนังสือ เงื่อนไขการปลดหนี้มาให้ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญยิ่งกว่า หนังสือปลดหนี้ซะอีก
เพราะหากเรามี หนังสือเงื่อนไข พร้อมทั้งใบชำระเงินที่ไปจ่าย เท่านี้ก็ใช้เป็นหลักฐานยื่นเรื่องไปที่ เครดิตบูโร ได้ทันที

ดังนั้น สมาชิกทุกคนที่เข้ามาอ่าน ไม่ว่าจะปิดหนี้ได้หรือ ยังไม่ได้ ผมเตือนครับว่า ให้ขอหนังสือ ข้อเสนอยืนยันส่วนลดมาให้ได้ ก่อนที่จะไปจ่ายเงิน อย่าเชื่อแต่ลมปากของพวกห่านจิก
ที่คอยจะหลอกล่อเอาเงินเราเพราะพวกมันจะได้มีผลงาน ไม่มีหนังสือไม่จ่าย หากไม่ให้มรึงก็ไม่ได้เงิน !!!

กรณีคุณ zic คงจะต้องพูดคุยกับ สนง. ให้ดีๆ ครับ ว่าได้จ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ส่งเอกสารให้เค้าดู พร้อมกับตัวอย่าง บัญชีบัตรที่ปิดไปแล้ว ว่าจ่ายพร้อมกันทำไมใบนี้ปิดแล้ว แต่เงินกู้ยังไม่ปิด
หากยังยืนยันให้จ่ายเงินอีก 5000 ก็ต่อรองดูครับ ได้เท่าไหร่ผมว่าก็จ่ายไปจะดีกว่า แต่ต้องอย่าลืมขอ หนังสือข้อเสนอปิดบัญชี มาให้ได้นะครับรอบนี้

อย่าประวิงเวลาจะเข้าทำนองเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

.
มีคนที่โดนโกงแบบคุณ นับไม่ถ้วนเลยครับ

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=749&Itemid=29

www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=47799#47881

สรุป...จบวันนี้แล้วครับโดยผมและสำนักงานแรกฯรับผิดชอบร่วมกันคนละครึ่งคนละ2500บ.จากข้อเสนอของสำนักงานฯที่2จากยอด6หมื่นกว่าให้ปิดที่ 5พันถ้วน....สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อตอนที่ปิดบัญชีเมื่อตอนปี51ผมปิดไปที่6700บ.ตามตกลงกับสำนักงานฯแรกแต่ทางแบงค์ไม่ยินยอมกับยอดนี้ต้องการที่ 8 พันบาทแต่สำนักงานฯแรกดันเพิกเฉยไม่ติดตามเรื่องต่อจนมาปีนี้เรื่องจึงส่งไปยังสำนักงานฯสอง.....สำนักงานฯแรกเลยแสดงความรับผิดชอบด้วยครึ่งนึง....จบข่าว