เพราะสงสารเลยโดนโกง

ผมโดนเพื่อนร่วมงานสาวหลอกว่าโดนสามีทิ้งไปทำให้ลูกไม่มีเงินเข้าเรียน ด้วยความสงสารผมจึงให้เธอเอาบัตรกดเงินสดไปกดเงินสดออกมาห้าหมื่นเพราะเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของเธอเพราะเห็นว่าเธอทำงานดีและเมื่อเธอเลิกกับสามีแล้วเธอมีแฟนเป็นทอม
แต่ปรากฏว่าเธอเอาเงินไปดาวน์รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ให้ทอมคู่ขาและไม่มาทำงานอีกเลย แต่ก่อนไปเธอแสดงความจริงใจโดยทำสัญญาเงินกู้ไว้ให้สามหมื่นพร้อมหลักทรัพย์ค้ำประกันคือรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นที่ยังไม่มีแม้แต่ป้ายทะเบียนเพราะเธอระบุแค่ยี่ห้อและสีรถ ผมจำใจรับสัญญานั้นทั้งๆที่รู้ว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ตอนนี้ผ่านไปสองเดือนแล้วเธอไม่มีวี่แววว่าจะนำเงินที่เธอกดออกมาจากบัตรกดเงินสดไปผ่อนชำระหนี้เลยเพราะมีใบแจ้งหนี้ส่งมาให้ผมซึ่งเป็นเจ้าของบัตร กรณีนี้ผมอยากเรียนถามว่า
ผมจะทำอะไรกับหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เธอระบุไว้ในสัญญาเงินกู้ได้บ้างครับ เพื่อนำเงินส่วนที่เธอดาวน์และผ่อนส่งรถมาหักลบกลบหนี้กันส่วนหนึ่งและผมต้องการเทปิดงวดเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รถคันนั้นมาเป็นของผมเลย

ผมจะทำอะไรกับหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เธอระบุไว้ในสัญญาเงินกู้ได้บ้างครับ เพื่อนำเงินส่วนที่เธอดาวน์และผ่อนส่งรถมาหักลบกลบหนี้กันส่วนหนึ่งและผมต้องการเทปิดงวดเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รถคันนั้นมาเป็นของผมเลย

ไม่สามารถทำอะไรได้ไม่มีประโยนช์อะไรเลยเรื่องรถ
ถ้าเรื่องเป็นเช่นนี้ทำไม่จึงคิดเทปิดงวดเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รถคันนั้น
คุณจ่ายได้แต่ไม่มีสิทธิ์ ดำเนินเรื่องการโอนรถได้
แล้วคุณคิดว่าเขาจะทำให้คุณหรือ

ทางที่ดีเจรจา ให้เขาชดใช้เงินดีที่สุดได้ไม่เต็มก็ทำใจ
คิดเสียว่าเป็นบทเรียน

ขอบคุณครับ
คือผมคิดว่าจะพาเธอไปตกลงกันที่ไฟแนนซ์ให้เธอยอมโอนกรรมสิทธ์ให้ผมหลังจากเทปิดงวดทั้งหมดในวันนั้นครับ
อย่างน้อยผมก็น่าจะได้เงินดาวน์ส่วนหนึ่งมาหักหนี้ ไม่งั้นผมคงไม่ได้อะไรเลย เพราะเธอกำลังจะหนีไปอยู่จังหวัดอื่นครับ

ขอแนะนำให้รีบไปแจ้งความดำเนินคดีกับ"กิ๊ก"ตัวแสบของคุณ ณ.ที่ สน.ตามท้องที่ๆเกิดเหตุ (เอาบัตรไปกดเงินที่ตู้ ATM ไหน ก็แจ้งความ ณ.ท้องที่นั้น)
โดยแจ้งความให้เป็นความผิดอาญาฐาน"ฉ้อโกงทรัพย์ "

ในกรณีนี้ไม่เข้าข่าย"ยักยอกทรัพย์"นะครับ...เพราะในกรณีนี้ คุณ picacus รู้เห็นด้วยตั้งแต่แรก
แต่ผู้ที่รับมอบทรัพย์ของคุณไปนั้น กลับเอาทรัพย์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ในทางอื่น ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ (โดยโกหกว่าจะเอาไปเป็นค่าเล่าเรียนลูก แต่กลับเอาไปดาวน์รถมอเตอร์ไซด์แทน)

ให้รีบไปแจ้งความไว้ก่อนเลยนะครับ เพราะคดีพวกนี้มีอายุความกำหนดไว้
อย่างในกรณีของคุณ จะมี"อายุความ"ในการเข้าแจ้งความ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รู้ว่า"ถูกลักทรัพย์ หรือฉ้อโกงทรัพย์"
มิฉะนั้น จะถือว่าคดีได้"ขาดอายุความ" และคุณจะไม่สามารถแจ้งความใดๆได้อีกเลย

แล้วหลังจากนั้น ก็ให้คุณถ่ายสำเนา"ใบแจ้งความ"เก็บเอาไว้ เป็นหลักฐานในการเจรจากับเจ้าหนี้ หากมีการทวงหนี้เกิดขึ้น
โดยคุณสามารถบอกข้อมูลของ"กิ๊ก"คุณ ให้ทางเจ้าหนี้ได้รับทราบไว้ด้วยก็ได้ เผื่อว่าบางที ทางฝ่ายเจ้าหนี้อาจช่วยคุณ ในการติดตามทวงหนี้จาก"กิ๊ก"ของคุณให้ด้วยอีกแรง

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...หนี้ในครั้งนี้ ในทางกฏหมายแล้ว คุณจะต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้คืนให้กับทางเจ้าหนี้เอง...ทั้งหมด
ส่วนเรื่องหนี้ส่วนตัวระหว่างคุณกับ"กิ๊ก"นั้น ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฏหมาย ที่จะต้อง ตามสืบ-ตามจับ กันต่อไป

โดยในระหว่างนี้ ก็ให้คุณเก็บสะสมเงินไว้เรื่อยๆทุกๆเดือน เพื่อรอการ Hair cut เสีย (ไปอ่านได้จาก Link ในข้างล่างนี้)

www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=749&Itemid=29

แล้วเมื่อถึงเวลาอันสุกงอมแล้ว คุณก็ส่งหลักฐานสำเนา"ใบแจ้งความ"ยื่นให้กับทางเจ้าหนี้ดู เพื่อให้พิจารณาส่วนลดให้ได้มากๆในภายหลัง
หลังจ่ายที่คุณได้หยุดจ่ายมานานมากพอสมควรแล้ว
.

ขอบคุณคุณนกกระจอกเทศครับ
เธอไม่ใช่กิ๊กผมหรอกครับ เธอตีฉิ่งอยู่กับทอมทุกคืนครับ ผมไม่เอาด้วยหรอก คริคริ
คือผมอยากได้รถมอไซค์มาหักหนี้บางส่วนน่ะครับ ต้องทำยังไงครับ

picacus เขียน: ขอบคุณคุณนกกระจอกเทศครับ
เธอไม่ใช่กิ๊กผมหรอกครับ เธอตีฉิ่งอยู่กับทอมทุกคืนครับ ผมไม่เอาด้วยหรอก คริคริ
คือผมอยากได้รถมอไซค์มาหักหนี้บางส่วนน่ะครับ ต้องทำยังไงครับ

ถ้าคุณไม่ยอมไปแจ้งความตามที่ผมแนะนำแล้วล่ะก็...อย่าว่าแต่มอเตอร์ไซด์ที่หวังจะได้คืนเลยครับ

คุณจะไม่มีทางได้อะไรคืนกลับมาเลยสักอย่าง

แม้กระทั่งหลักฐานในการยื่นขอ Hair cut กับทางเจ้าหนี้

ขอบคุณครับ
จะไปดำเนินการตามที่คุณกระจอกเทศแนะนำครับ

คุณนกกระจอกเทศครับ
ผมต้องนำสัญญาเงินกู้ที่เธอเขียนไว้ไปแจ้งความด้วยหรือไม่ครับ

picacus เขียน: คุณนกกระจอกเทศครับ
ผมต้องนำสัญญาเงินกู้ที่เธอเขียนไว้ไปแจ้งความด้วยหรือไม่ครับ

ถ้าคุณอ้างถึงตัว"สัญญาเงินกู้"ในตอนที่ไปแจ้งความ คดีความมันจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น"คดีแพ่ง"ที่ว่าด้วยการกู้ยืมเงินแทน
จะไม่ใช่เป็นคดี"ฉ้อโกง"ที่ถูกจัดว่าเป็นคดีอาญา
โดยตำรวจเขาจะไม่รับแจ้งความดำเนินคดี ถ้าเป็นลักษณะคดีการกู้ยืมเงินกันเอง หรือ"คดีแพ่ง"

ถ้าคุณยังขืนชักช้าไม่รีบไปแจ้งความ จนอายุความในการแจ้งความหมดลง คุณอาจจะต้องโดนแบบลูกหนี้รายนี้

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=14319&Itemid=29

ครับผม
ขอบคุณครับ