ไปศาลคดีหมดอายุความ ต้องได้คำพิพากษา

รบกวนถามเพิ่มเติมเรื่องนัดที่2ค่ะ เรายื่นคำให้การนัดแรกเนื่องจากคดีหมดอายุความไปแล้วเหมือนกันค่ะ ศาลนัดอีกครั้ง อีก2อาทิตย์ข้างหน้าค่ะ ไปนัดหลังนี่ต้องมีทนายหรือเอกสารจากทนายไปเหมือนนัดแรกมั้ยคะ ขอบคุุณค่ะ

pumpkinja เขียน: รบกวนถามเพิ่มเติมเรื่องนัดที่2ค่ะ เรายื่นคำให้การนัดแรกเนื่องจากคดีหมดอายุความไปแล้วเหมือนกันค่ะ ศาลนัดอีกครั้ง อีก2อาทิตย์ข้างหน้าค่ะ ไปนัดหลังนี่ต้องมีทนายหรือเอกสารจากทนายไปเหมือนนัดแรกมั้ยคะ ขอบคุุณค่ะ

ผมไปเองครับ ไปถึงก็แจ้งจนท.หน้าบัลลังค์ แล้วก็นั่งรอศาลท่านออกมา ฟังคำสั่งจากท่าน ซึ่งศาลท่านก็จะอ่านคำพิพากษาให้ฟังครับว่าอย่างไร ซึ่งของผมท่าน ให้ยกฟ้องครับ แล้วก็บอกว่าให้มาคัดสำเนาคำสั่งพิพาากษาอีกที ได้วันไหน แค่นี้ครับ แล้วก็เซ็นต์เอกสารหน้าบัลลังค์แล้วกลับบ้าน

olehsilom เขียน: ขึ้นว่าความเองหรือปล่าวครับพี่

ไปเองครับ ตั้งแต่นัดแรกเลย ไปถึงก็แจ้ง จนท.หน้าบัลลังค์ครับ ว่ามาคดีอะไร แล้วก็ยื่นคำให้การครับ

ขอบคุณครับ

วันนี้ 12-06-60 ไปขึ้นศาล JMT นัดแรก ยื่นคำให้การขอต่อสู้ัคดีเรื่องหมดอายุความ
ศาลถามเราว่าจะสืบไหม เราไม่เข้าใจเลย ศาลถามทนายโจทก์ว่าจะสืบไหม ทนายโจทก์บอกไม่สืบ
เราถามศาลว่าสืบจะต้องทำยังไง ศาลบอกว่าถ้าไม่สืบก็ได้ให้ศาลพิจารณาเลย เราไม่ได้สืบ
แบบนี้ถือว่าเสียเปรียบหรือเปล่า และจะต้องทำอย่างไรต่อไป

และถ้าเราจะสืบวันที่ฟังคำพิพากษาได้หรือไม่ ? หรือไม่ต้องยื่นคำขอสืบพยานครับ
แบบนี่ศาลท่านจะเมตตายกฟ้องหรือไม่ ?

ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาล อีกครั้งวันที่ 23-06-60 นี้ ไม่รู้ผลจะออกมาเป็นยังไง ลุ้นๆๆ

ขอคำชี้แนะทุกๆ ท่านด้วยครับ ขอบคุณครับ

Phomploy0315 เขียน: วันนี้ 12-06-60 ไปขึ้นศาล JMT นัดแรก ยื่นคำให้การขอต่อสู้ัคดีเรื่องหมดอายุความ
ศาลถามเราว่าจะสืบไหม เราไม่เข้าใจเลย ศาลถามทนายโจทก์ว่าจะสืบไหม ทนายโจทก์บอกไม่สืบ
เราถามศาลว่าสืบจะต้องทำยังไง ศาลบอกว่าถ้าไม่สืบก็ได้ให้ศาลพิจารณาเลย เราไม่ได้สืบ
แบบนี้ถือว่าเสียเปรียบหรือเปล่า และจะต้องทำอย่างไรต่อไป

และถ้าเราจะสืบวันที่ฟังคำพิพากษาได้หรือไม่ ? หรือไม่ต้องยื่นคำขอสืบพยานครับ
แบบนี่ศาลท่านจะเมตตายกฟ้องหรือไม่ ?

ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาล อีกครั้งวันที่ 23-06-60 นี้ ไม่รู้ผลจะออกมาเป็นยังไง ลุ้นๆๆ

ขอคำชี้แนะทุกๆ ท่านด้วยครับ ขอบคุณครับ

ตามความเข้าใจผมนะ ถ้ามีนัดสืบพยาน คือมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคัดค้านครับ เช่นเราต่อสู้เรื่องอายุความ แล้วทางทนายโจทย์บอกว่าขอสืบ เพื่อหาหลักฐานหักล้างเราว่ายังไม่หมดอายุความครับ ถ้าไม่สืบ ก็แสดงว่าไม่ติดใจในข้อต่อสู้คดีครับ

ของผมก็ไม่สืบพยานครับ เพราะทางทนาย JMT บอกไม่สืบ เพราะเขาไม่มีข้อมูลเราว่าเราหยุดชำระเมื่่อไรครับ ก็เลยไม่สืบ ศาลท่านก็นัดที่สองฟังคำพิพากษาเลย ถ้าเคสนี้ก็คงพิพากษายกฟ้องครับ ขอให้โชคดี

ขอบคุณ คุณtea6726 มากครับที่ให้ความกระจ่าง และให้กำลังใจ

ถามอีกนิดนึงครับ คุณtea6726 ได้ว่าความสืบพยานต่อหน้าบัลลังก์หรือเปล่าครับ

จำเป็นต้องว่าความสืบพยาน ต่อหน้าศาลหรือไม่ ?
ถ้าไม่ได้ว่าความสืบพยาน มีสิทธิ์ที่จะแพ้คดีหรือไม่ครับ ?

Phomploy0315 เขียน: ขอบคุณ คุณtea6726 มากครับที่ให้ความกระจ่าง และให้กำลังใจ

ถามอีกนิดนึงครับ คุณtea6726 ได้ว่าความสืบพยานต่อหน้าบัลลังก์หรือเปล่าครับ

จำเป็นต้องว่าความสืบพยาน ต่อหน้าศาลหรือไม่ ?
ถ้าไม่ได้ว่าความสืบพยาน มีสิทธิ์ที่จะแพ้คดีหรือไม่ครับ ?

ของผม ศาลท่านก็ถามทนายโจทย์ว่า ผมสู้คดีเกี่ยวกับเรื่องอายุความ ทนายโจทย์ก็ไม่ติดใจอะไร ศาลท่านเลยบอกว่า ไม่ต้องนัดสืบ นัดให้มาฟังคำสั่งพิพากษาเลย ผมว่าถ้าจะมีนัดสืบ คือ มีการคัดค้านข้อต่อสู้ของอีกฝ่ายหนึ่งนะ แต่ของผมอีกฝ่่ายไม่คัดค้านอะไร ถ้าไม่นัดสืบ ก็มาฟังคำพิพากษาเลยครับ มีสิทธิ์แพ้คดีมั๊ย นี่ผมก็ไม่ทราบว่า ในข้อต่อสู้คดีของคุณ เขียนละเอียด มีหลักฐานแน่ พอที่จะทำให้ศาลท่านเชื่อรึเปล่า แต่ผมคิดว่าของคุณก็น่าจะยกฟ้องนะ เพราะอีกฝ่ายไม่คัดค้านเรื่องอายุความ แล้วศาลท่านก็ไม่สั่งนัดสืบพยาน ขอให้โชคดีครับ

ผมไปศาลมาแล้วและศาลยกฟ้องครับคดีหมดอายุความ ชอบคุณชมรมมากครับ

ดีจังสำหรับบางคนที่คดีหมดอายุ ของดิชั้นกำลังเริ่มเนื่องจากไปศาลมา 2 เคสแล้วเลยบัตรอื่นๆไม่อยากให้มีปัญหาเลยอ่ะติดต่อไปเองขอปรับโครงสร้างหนี้ แต่อิออนโหดมากหนี้เราอยู่ 62,000 คือรวมดอกเบี้ย ณ ตอนนี้แล้ว คุยกับเจ้าหน้าที่ๆดูแลคือพูดจาข่มขู่มากบอก อิออนมีการปรับนโยบายให้ส่วนลดแค่ 15% จาก 30% และให้เราจากคืนให้หมด 10 งวดถ้าขึ้นศาล (เครียดเลย) เพราะตกงานมา 2 ปีแล้วหาขายของเอาแต่ถ้าให้จ่ายแบบนี้คงแย่เลย ใครมีข้อมูลอะไรแนะนำไหมค่ะ

ของผมกำลังจะไปขึ้นศาล 24 เม.ย. นี้ครับ ของอิออนฟ้องโดย JMT ยอด 85,000

ได้ความอย่างไรจะมาเล่าสู่กันฟังครับ

ไปขึ้นแล้วเป็นไงมั้งค่ะ ตามผลลุ้นอยุ่ค่ะเพราะจะขึ้น 22 นี้แล้วทางเจ้าหน้าที่อิออนให้จ่าย 10 งวดๆละ 7,000 บาท เลยบอกว่าถ้ายอดสูงขนาดนี้หาชำระให้ลำบาก ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้ไปศาลแล้วเซ็นต์ไปก่อนแล้วไม่มีค่อยมาคุยกัน ซึ่งเบื้องต้นเท่าที่จำได้ว่าถ้าเราเซ็นต์คือเรายอมรับชำระที่ตามยอดนั้นได้

มีปัญหากับ JMT เช่นกันคะ
ยอดหยุดจ่ายที่ 80,000 บาท ตั้งแต่เดือน 10 ปี 2013
ตอนนี้ขอส่วนลดที่ 4 หมื่นก็ไม่ยอดลด จะให้จ่ายหยอดที่ 6หมื่น x 12 เดือน ท่าเดียว

ขุ่จะฟ้องจะยึดเงินเดือน จะยึดบ้าน
มาให้กำลังใจและตามอ่านประสบการณ์ของสมาชิกเช่นกันคะ
ถ้าฟ้องมาคงได้โทรปรึกษาคุณอาไพโรจน์คะ
เรื่องแนวทางการสู้คดี

tea6726 เขียน:

olehsilom เขียน: แล้วยืนคำให้การเองหรือปล่าวครับ ให้ใครเขียนคำให้การครับ

ผมอยู่ต่างจังหวัด จ้างทนายเขียนให้ครับ

จ้างแพงไหมครับ

ของผมแบงค์กรุงศรี ศาลพิพากษายกฟ้องเรื่องหมดอายุความ แต่เหมื่อนมีการยื่นอุทธรณ์ เพราะผมเช็คในระบบศาลมีการยื่นคำร้อง ตอนนี้ก็ต้องลุ้นว่าจะยังไงต่อ พอดีผมยังไม่ได้ไปคัดคำพิพากษาด้วย สงสัยต้องรีบไปแล้วครับ

คำให้การจริง คดีบัตรเครดิตขาดอายุความ
ข้อ ๑. ในเรื่องอายุความบัตรเครดิตมีคำพิพากษาฎีกาวางหลักกฎหมายไว้ดังนี้ .
(1) คำพิพากษาฎีกาที่ 1609/2540 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2540) การให้บริการประเภทบัตรเครดิตเป็นวัตถุประสงค์ของธนาคารโจทก์
การที่โจทก์ให้บริการการใช้บัตรเครดิตแก่สมาชิก โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บัตรดังกล่าวจากสมาชิก
โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก และการที่โจทก์ได้ชำระเงินให้เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อน
แล้วจึงเรียกเก็บจากสมาชิกภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปก่อน กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่างๆ
เรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องของโจทก์ดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7)

ตามใบแจ้งยอดหนี้เอกสารท้ายฟ้อง กำหนดให้จำเลยชำระหนี้ที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2534 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2538
จึงพ้นกำหนด 2 ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ

(2) คำพิพากษาฎีกาที่ 1884/2540 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2540) โจทก์ประกอบธุรกิจมีวัตถุประสงค์ให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกในรูปของบัตรเครดิต
โดยโจทก์ออกบัตรเครดิตให้แก่สมาชิกแล้ว สมาชิกสามารถนำไปถอนเงินสดล่วงหน้า และสามารถนำบัตรเครดิตไปซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ แทนการชำระด้วยเงินสด
ตามร้านค้าหรือสถานบริการที่เป็นสมาชิกของโจทก์ ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีข้อตกลงเป็นร้านค้าสมาชิกรับบัตรกับโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้ชำระเงินทดรองแทนสมาชิกไปก่อน
แล้วจึงเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลัง ซึ่งสมาชิกจะต้องเสียค่าบริการให้แก่โจทก์ และโจทก์ได้เรียกเก็บค่าบริการพร้อมทั้งค่าธรรมเนียมด้วยเช่นนี้
โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก การที่โจทก์ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อน
แล้วเรียกเก็บเงินจากสมาชิกภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งตามข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลย
โจทก์จะแจ้งยอดบัญชีส่งให้จำเลยทราบในแต่ละงวดที่เรียกเก็บ และให้ถือว่าหนี้ถึงกำหนดตามที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้

กรณีเช่นนี้ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดในงวดใด โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับงวดนั้นได้นับแต่วันที่จำเลยผิดนัด
แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าก่อนโจทก์บอกเลิกสัญญาจำเลยผิดนัดงวดใดบ้าง จึงต้องถือว่าวันที่โจทก์บอกเลิกสัญญาการใช้บัตรเครดิต
เป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับหนี้ทั้งหมดได้ และการที่โจทก์ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่างๆ
ได้เรียกเอาค่าที่โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป มีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7)
เมื่อโจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องคดีนี้ได้นับแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2534 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2538
เกินกำหนดระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ

(3) คำพิพากษาฎีกาที่ 8805/2544 การที่โจทก์ให้บริการประเภทบัตรเครดิตแก่สมาชิกทำให้สมาชิกสามารถใช้บัตรเครดิต
ที่โจทก์ออกให้ไปชำระค่าสินค้าหรือบริการ โดยไม่ต้องนำเงินไปชำระทันที โจทก์เป็นผู้ชำระแทนสมาชิกไปก่อน
แล้วจึงเรียกเก็บจากสมาชิกภายหลัง หรือสมาชิกสามารถนำบัตรไปถอนเงินสดล่วงหน้าจากบัญชีเงินฝากของโจทก์โดย
ผ่านเครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ โดยโจทก์เรียกค่าธรรมเนียมจากสมาชิก เป็นกรณีที่โจทก์ผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่างๆ
เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) การฟ้องเรียกเงินทดรองของโจทก์
จึงมีอายุความ 2 ปี โจทก์แจ้งให้จำเลยชำระหนี้ที่เกิดจากใช้บัตรเครดิตภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2540 แต่จำเลย ไม่ชำระตามกำหนด
ถือว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด โจทก์ย่อมบังคับสิทธิเรียกร้องของตนได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 ซึ่งจะครบกำหนดอายุความในวันที่ 7 พฤษภาคม 2542
การที่จำเลยชำระหนี้บางส่วนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2542 นั้น เป็นการชำระหนี้ภายหลังจากขาดอายุความแล้ว
จึงเพียงแต่ทำให้ลูกหนี้เรียกคืนไม่ได้ตามมาตรา 193/28 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ไม่เป็นการรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา 193/14 (1)
เมื่อโจทก์ฟ้องคดีวันที่ 9 สิงหาคม 2543 ซึ่งหลังครบกำหนดอายุความแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

(4) คำพิพากษาฎีกาที่ 6733/2544 จำเลยได้ใช้บัตรเครดิตซิตี้แบงก์วีซ่าครั้งสุดท้ายวันที่ 13 สิงหาคม 2540 จากนั้นมิได้ใช้อีกต่อไป
แต่ได้ชำระหนี้บางส่วนให้แก่โจทก์รวม 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2540 และวันที่ 6 ตุลาคม 2540 โดยยอดหนี้ที่เหลือจำเลยจะต้องชำระ
ภายในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2540 ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้สิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 ส่วนหนี้ตามบัตรเครดิตซิตี้แบงก์มาสเตอร์การ์ด
จำเลยใช้ครั้งสุดท้ายวันที่ 4 ตุลาคม 2540 และไม่เคยผ่อนชำระหนี้ที่เหลือแก่โจทก์ หนี้ถึงกำหนดชำระวันที่ 1 ธันวาคม 2540 ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้
ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2540 ครบอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) ย่อมเริ่มนับตั้งแต่วันที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้อง
ให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวได้ ข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาซึ่งระบุว่า หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามใบแจ้งยอดบัญชีถือว่าลูกหนี้ขอผัดผ่อนการชำระหนี้
เป็นเพียงการที่โจทก์ผ่อนปรนยังไม่ใช้สิทธิเรียกร้องแก่จำเลยเท่านั้น แต่หาเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงไม่ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาฎีกา (ย่อ)
คดีบัตรเครดิตขาดอายุความ เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 193/34 สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ ให้มีกำหนดอายุความสองปี
(7) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน
(1) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่น หรือรับทำการงานต่างๆ เรียกเอาค่าสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
มาตรา 193/12 อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ฯ
ข้อ 2. ตามคำฟ้องข้อ 2. เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2554 จำเลยได้สมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิตกับธนาคารธนชาตฯ
โดยตกลงปฏิบัติข้อกำหนดและเงื่อนไขรวมทั้งภาระผูกพันที่เกิดขึ้นตามสัญญาทุกประการ ต่อมา ธนาคารธนชาตฯ
ได้พิจารณาอนุมัติให้จำเลยเป็นสมาชิก โดยออกบัตรเครดิตธนชาต Drive วีซ่า เลขที่ 5124-4500-0110-6977 ให้แก่จำเลย
และได้อนุมัติวงเงินจำนวน 180,000 บาท ซึ่งจำเลยสามารถนำบัตรเครดิตที่ธนาคารธนชาตฯ ออกให้ดังกล่าว ไปใช้ชำระค่าสินค้าและค่าบริการต่างๆ
แทนเงินสดแก่ร้านค้าและสถานบริการที่ร่วมเป็นสมาชิกกับธนาคารธนชาตฯตลอดจนเบิกถอนเงินสดจากเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม)ได้ภายในจำนวนวงเงินที่ธนาคารธนชาตฯอนุมัติ รายละเอียดปรากฎตามสำเนาใบสมัครบัตรเครดิต เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 9 เมื่อธนาคารธนชาตฯ ได้ออกเงินแทนจำเลยให้กับสถานประกอบการค้าต่างๆ ไป เพื่อให้จำเลยสามารถใช้บัตรที่ธนาคารธนชาตฯ ออกให้ตามข้อตกลง บริษัทจึงเรียกเก็บเงินจากจำเลย โดยธนาคารธนชาตฯ จะส่งใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายไปเรียกเก็บตามรายการที่จำเลยได้ใช้บัตรเป็นรายเดือน และจำเลยมีหน้าที่ชำระเงินค่าซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า พร้อมค่าธรรมเนียมอันเกิดจากการใช้บัตรดังกล่าว ให้แก่ธนาคารธนชาตฯ ครบเต็มจำนวนภายในวันที่กำหนดไว้ในใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าว จำเลยยินยอมให้คิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมในอัตราร้อยละ 20 ต่อปี ของเงินที่ค้างชำระ ตามคำฟ้องข้อ 3.

หลังจากธนาคารธนชาตฯ ได้รับจำเลยเป็นสมาชิกและออกบัตรเครดิตให้จำเลยแล้ว จำเลยชำระหนี้ให้กับธนาคารธนชาตฯ เพียงบางส่วน ต่อมาจำเลยได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไข และไม่ได้ชำระหนี้ให้กับธนาคารธนชาตฯ อีกเลย ซึ่งธนาคารธนชาตฯ ได้จัดส่งใบแจ้งยอดบัญชีทั้งหมดที่ค้างชำระไปเรียกเก็บเงินกับจำเลยแล้ว ซึ่งสรุปยอดบัญชี ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2558 จำเลยมีภาระหนี้ค้างชำระทั้งหมดรวมเป็นเงินจำนวน 145,040.57 บาท โดยแยกเป็นเงินต้นจำนวน 142,975.37 บาท ดอกเบี้ยคงค้างจำนวน 1,548.91 บาท และค่าธรรมเนียมจำนวน 516.29 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจำเลยมีหน้ราที่ต้องชำระแก่ธนาคารธนชาตฯ ให้ครบถ้วนโดยทันที แต่จำเลยก็ไม่เคยชำระให้แก่ธนาคารธนชาตฯ อีกแต่อย่างใด รายละเอียดปรากฎตามสำเนาใบแจ้งยอดบัญชี เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 10

ตามคำฟ้องข้อ 4. การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ และทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
จำเลยมีหน้าที่รับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ในต้นเงินจำนวน 142,975.37 บาท ดอกเบี้ยคงค้างจำนวน 1,548.91 บาท ค่าธรรมเนียมจำนวน 516.29 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 จนถึงวันที่ 25 เมษายน 2561 (วันฟ้อง) คิดเป็นเวลา 2 ปี 5 เดือน 2 วัน คิดเป็นดอกเบี้ยผิดนัดจำนวน 42,892.61 บาท เมื่อรวมต้นเงิน ดอกเบี้ยคงค้าง ค่าธรรมเนียม และดอกเบี้ยผิดนัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 187,933.18 บาท ซึ่งโจทก์ขอถือเอาเป็นทุนทรัพย์ในการฟ้องคดีนี้ รายละเอียดปรากฏตามตารางสรุปยอดหนี้ค้างชำระและการคิดดอกเบี้ย(หลังเลิกสัญญา)เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 12 ตามคำฟ้องโจทก์ดังกล่าว ธนาคารธนชาตฯ จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก และการที่ธนาคารธนชาตฯ ได้ชำระเงินให้เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อน แล้วจึงเรียกเก็บจากสมาชิกภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปก่อน กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่างๆ เรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องของธนาคารธนชาตฯ ดังกล่าว จึงมีอายุความ 2 ปี

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ ให้มีกำหนดอายุความสองปี (7) บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (1)
แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่น หรือรับทำการงานต่างๆ เรียกเอาค่าสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
และตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1609/2540, 1884/2540, 8805/2544, 6733/2544 สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1

ธนาคารธนชาต ฯ จึงต้องฟ้องให้จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตภายในกำหนดอายุความ 2 ปี โจทก์รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจากธนาคารธนชาต ฯ จึงย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/12 อายุความให้เริ่มนับแต่ขณะที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป ตามใบแจ้งยอดบัญชีวันสรุปยอดบัญชี 22 พฤศจิกายน 2558 สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 10 ระบุว่า วงเงิน 180,000 บาท ยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องชำระ 2,065.20 บาท ยอดเงินเกินกำหนดที่ต้องชำระทันที 142,975.34 บาท ยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องชำระทั้งหมด 145,040.57 บาท ธนาคารได้ทำการยกเลิกวงเงินบัตรเครดิตของท่านแล้ว ขอให้ท่านโปรดชำระ ยอดเงินค้างชำระ ตามจำนวนที่เรียกเก็บ โจทก์ส่งมาหน้าเดียว จำเลยขอให้การว่า โจทก์ส่งใบแจ้งยอดบัญชีหน้าสุดท้ายมาเพียงหน้าเดียว จึงไม่ทราบว่าจำเลยผิดนัดงวดใด ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 1884/2540 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2540)

การที่ธนาคารธนชาต ฯ ชำระเงินแก่เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อน แล้วเรียกเก็บเงินจากสมาชิกภายหลัง เป็นการเรียกเอาค่าที่ธนาคารธนชาต ฯ ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งตามข้อตกลงระหว่างธนาคารธนชาต ฯ กับจำเลย ธนาคาร ธนชาต ฯ จะแจ้งยอดบัญชีส่งให้จำเลยทราบในแต่ละงวดที่เรียกเก็บ และให้ถือว่าหนี้ถึงกำหนดตามที่ระบุไว้ในใบแจ้งหนี้ กรณีเช่นนี้ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดในงวดใด ธนาคารธนชาต ฯ อาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับงวดนั้นได้นับแต่วันที่จำเลยผิดนัด แต่เมื่อไม่ปรากฏว่า ก่อนธนาคารธนชาตฯบอกเลิกสัญญา จำเลยผิดนัดงวดใดบ้าง จึงต้องถือว่าวันที่ธนาคารธนชาต ฯ บอกเลิกสัญญาการใช้บัตรเครดิตเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับหนี้ทั้งหมดได้ ดังนั้น จึงต้องถือว่า วันที่ 22 พฤศจิกายน 2558 ธนาคารธนชาต ฯ บอกเลิกสัญญาการใช้บัตรเครดิต เป็นวันที่ธนาคารธนชาต ฯ อาจบังคับสิทธิเรียกร้องสำหรับหนี้ทั้งหมดได้ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 คิดเป็นเวลา 2 ปี 5 เดือน 3 วัน จึงเกินกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ธนาคารธนชาต ฯ อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้

โจทก์เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจากธนาคารธนชาต ฯ จึงย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ
ข้อ 3. ตามรายงานข้อมูลเครดิต บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด วันที่สืบค้น 14 พฤศจิกายน 2559 ชื่อ-นามสกุล นายพีระพงศ์ พรมแสนปัง สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 2 บัญชีที่ 18 ประเภทสินเชื่อ สินเชื่อบัตรเครดิต ผู้ให้สินเชื่อ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) วงเงินบัตรเครดิต 180,000 บาท ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558

เลขที่บัญชี 5124450001106977 วันที่เปิดบัญชี 7 พฤศจิกายน 2554 วันที่ปิดบัญชี 28 ธันวาคม 2558 วันที่ชำระหนี้ครั้งล่าสุด 17 มกราคม 2558 สถานะบัญชี 42 - โอนหรือขายหนี้
ประวัติการชำระ (ย้อนหลัง 13 เดือน) ข้อมูล ณ เดือน มกราคม 2558 ยอดเงินที่ใช้ 123,718 บาท ไม่ค้างชำระหรือค้างไม่เกิน 30 วัน ข้อมูล ณ เดือน กุมภาพันธ์ 2558 ยอดเงินที่ใช้ 125,783 บาท ค้างชำระ 31-60 วัน ข้อมูล ณ เดือน มีนาคม 2558 ยอดเงินที่ใช้ 127,648 บาท ค้างชำระ 61-90 วัน ตามใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิต วันสรุปยอดบัญชี 22 พฤศจิกายน 2558
กำหนดชำระภายในวันที่ 17 ธันวาคม 2558 เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 10

อนุมานจากวันที่ต้องชำระวันที่ 17 จำเลยจึงผิดนัดในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 ดังนั้น ธนาคารธนชาต จึงอาจใช้สิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นต้นไป
โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 คิดเป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน 7 วัน จึงเกินกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ธนาคารธนชาต ฯ อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
โจทก์เป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจากธนาคาร ธนชาต ฯ จึงย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความ ข้อ 4.

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/26 เมื่อสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานขาดอายุความ ให้สิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์นั้นขาดอายุความด้วย
ดังนั้น ดอกเบี้ยคงค้าง ค่าธรรมเนียม และดอกเบี้ยผิดนัด เป็นสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นอุปกรณ์ จึงขาดอายุความด้วย

จำเลยกราบขอประทานศาลได้โปรดยกฟ้องโจทก์เสียทั้งสิ้น

ขอสอบถามหน่อยคะ หากได้คำให้การแล้ว ไปยื่นในวันที่ศาลนัดเลยใช่ไหมคะ หรือว่าไปยื่นหลังจากที่ได้รับหมายศาลไม่เกิน 15 วันคะ

เหมือนกัน​เลยคะ​ ไปศาลยื่นคำให้การ​เรียบร้อย​ ทนายโจทย์ทำคำร้อง​ ขอถอนฟ้อง​เนื่องจากคดีหมดอายุความ​ ศาลถามว่าคัดค้านไหม​ เลยตอบไม่คัดค้านไป​ จนท​ หน้าบันลังค์ให้เซ็นเอกสาร​ ถอนฟ้อง​ และในรายงานกระบวนพิจารณา​
อย่างนี้​ จะยกเรื่องมาฟ้องได้อีกไหมคะ​ คดีเกิน10ปีแล้ว​

ติดต่อ คุณอาไพโรจน์ ได้ทางไหนครับ

ฮอตไลน์ สายด่วน บนหัวเพจด้านบนค่ะ สีส้ม ๆ