ถ้าไม่ไปศาลรอบ 2 เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ขอความเห็น

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4826 โดย dos
ขออภัย หายไป 2- 3 เดือน ไม่ได้อัฟเดทหนี้ เนื่องจากน้ำท่วมบ้านหนีไปตจว. กลับมาก็เหนื่อยกับการทำความสะอาด ขอย้อนความแบบย่อ
มีหนี้ 11 รายการ รวมกันล้านกว่าๆ ขณะนี้
ฟ้องแล้ว 3 city visa, ready (ทั้งสองไปศาลมาแล้วรอบที่ 1)และ central card (รอขึ้นรอบแรก)
ยกเลิกสัญญา เตรียมฟ้อง 3 uob, Ktc, aeon
ขายหนี้ไปแล้ว cimb เงียบ,
เงียบอยู่ HSBC, BBL, SCB
หนี้ทียังเดินบัญชีอยู่บ้าง ธนชาติเนื่องจากมีรถชื่อตัวเองจำนำอยู่
สถานการณ์ ณ วันนี้ ทำงานอิสระ ยังรวบรวมเงินไม่ทัน ยังหางานประจำทำไม่ได้ รายได้ไม่แน่นอน ไม่สามารถทำแฮร์คัด อายัดเงินเดือน หรือผ่อนหลายๆเจ้าได้ สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือยืดเวลา บางคดีเช่นบัตรกดเงินอยากสู้เรื่องดอกเบี้ย อยากขอความเห็นพี่น้องในที่นี่ว่าควรใช้แนวทางแบบใดดี
กรณี 1 จะไปศาลครั้งแรกเพื่อขอเลื่อน และครั้งสองไม่ไปศาลให้ศาลตัดสินตามมูลหนี้แล้วหักคอจ่าย อนาคตเผื่อได้งานเป็นเงินก้อนจะขอ h/c กรณีบัตรready จะสู้เรื่องดอกเบี้ย และขอ h/c แต่ทั้งหมดนี้ก็กลัวจ่ายไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง
กรณี 2 กรณีที่จะถูกบังคับคดีเรื่องรถที่อยู่กับธนชาติ (บุริมสิทธิ์) ไม่ทราบว่าขั้นตอนตรงนี้เป็นเช่นไร
ไปศาลใช้เวลาเกือบครึ่งวัน บางครั้งเคยเห็นลูกหนี้โดนศาลต่อว่าเหมือนทำให้มีคดีรกศาล
ไม่ทราบเพื่อนพี่ๆ เห็นเช่นไร ข้อน้อยขอคำแนะนำ และขอแชร์ข้อมูล ขอบคุณค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4832 โดย Ly89

minny54 เขียน: ขออภัย หายไป 2- 3 เดือน ไม่ได้อัฟเดทหนี้ เนื่องจากน้ำท่วมบ้านหนีไปตจว. กลับมาก็เหนื่อยกับการทำความสะอาด ขอย้อนความแบบย่อ
มีหนี้ 11 รายการ รวมกันล้านกว่าๆ ขณะนี้
ฟ้องแล้ว 3 city visa, ready (ทั้งสองไปศาลมาแล้วรอบที่ 1)และ central card (รอขึ้นรอบแรก)
ยกเลิกสัญญา เตรียมฟ้อง 3 uob, Ktc, aeon
ขายหนี้ไปแล้ว cimb เงียบ,
เงียบอยู่ HSBC, BBL, SCB
หนี้ทียังเดินบัญชีอยู่บ้าง ธนชาติเนื่องจากมีรถชื่อตัวเองจำนำอยู่
สถานการณ์ ณ วันนี้ ทำงานอิสระ ยังรวบรวมเงินไม่ทัน ยังหางานประจำทำไม่ได้ รายได้ไม่แน่นอน ไม่สามารถทำแฮร์คัด อายัดเงินเดือน หรือผ่อนหลายๆเจ้าได้ สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือยืดเวลา บางคดีเช่นบัตรกดเงินอยากสู้เรื่องดอกเบี้ย อยากขอความเห็นพี่น้องในที่นี่ว่าควรใช้แนวทางแบบใดดี
กรณี 1 จะไปศาลครั้งแรกเพื่อขอเลื่อน และครั้งสองไม่ไปศาลให้ศาลตัดสินตามมูลหนี้แล้วหักคอจ่าย อนาคตเผื่อได้งานเป็นเงินก้อนจะขอ h/c กรณีบัตรready จะสู้เรื่องดอกเบี้ย และขอ h/c แต่ทั้งหมดนี้ก็กลัวจ่ายไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง

ถ้าคุณยังไม่มีงานทำ ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่น (นอกจากรถ) ไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน ผมว่าไปศาลครั้งแรกไม่ต้องเลื่อนนัดหรอกครับ ให้ศาลท่านพิพากษาไปเลย ทุกเจ้า คุณต้องไปศาลครับ ไปขอความเห็นใจจากท่านให้ดูเรื่องดอกเบี้ยและค่าปรับให้ และก็ไม่ต้องสู้คดี ไม่ต้องหักคอจ่าย เพราะว่าเมื่อศาลพิพากษาแล้วคุณไม่จ่ายเงิน เจ้าหนี้ก็จะบังคับดี แต่ไม่สามารถยึดอะไรได้เลย หนี้จะถูกแขวนไว้อย่างนั้น จนกว่าคุณจะมีงานทำเป็นหลักแหล่งถึงจะอายัดเงินเดือนได้ทีละเจ้า โดยที่ไม่จะเป็นต้องเร่งรีบหามาผ่อนจ่ายทุกเจ้าเลยครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะจ่ายไม่ตลอดรอดฝั่ง และกรณีแบบนี้เจ้าหนี้จะให้ส่วนลดเยอะครับไม่ต้องห่วง ระหว่างแขวนหนี้ไว้ก็ค่อยๆเก็บเงินไว้ด้วยนะครับ......เห็นข้อดีของการมีแต่ตัวหรือยังครับ......

กรณี 2 กรณีที่จะถูกบังคับคดีเรื่องรถที่อยู่กับธนชาติ (บุริมสิทธิ์) ไม่ทราบว่าขั้นตอนตรงนี้เป็นเช่นไร

รถ...ถ้าเป็นชื่อของคุณ เจ้าหนี้ก็สามารถยึดขายทอดตลาดได้ครับ เงินที่ขายได้ก็จะนำไปใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์ก่อน ส่วนที่เหลือถึงจะเอาไปใช้หนี้บัตรครับ ถ้าไม่พอก็จะสืบทรัพย์ต่อไป...แต่ก็ไม่มีอะไรอีกแล้วใช่ไหมครับ....

ไปศาลใช้เวลาเกือบครึ่งวัน บางครั้งเคยเห็นลูกหนี้โดนศาลต่อว่าเหมือนทำให้มีคดีรกศาล
ไม่ทราบเพื่อนพี่ๆ เห็นเช่นไร ข้อน้อยขอคำแนะนำ และขอแชร์ข้อมูล ขอบคุณค่ะ

ก็เป็นสิทธิ์ของท่านน่ะครับที่จะบ่น แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเราเหมือนกันที่จะอาศัยอำนาจศาลเพื่อปกป้องเราจากเจ้าหนี้ครับ.....


ถ้าไม่กระจ่างก็โทรฮอทไลน์สานด่วนนะครับ.....
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4833 โดย Napassawan

minny54 เขียน: ขออภัย หายไป 2- 3 เดือน ไม่ได้อัฟเดทหนี้ เนื่องจากน้ำท่วมบ้านหนีไปตจว. กลับมาก็เหนื่อยกับการทำความสะอาด ขอย้อนความแบบย่อ
มีหนี้ 11 รายการ รวมกันล้านกว่าๆ ขณะนี้
ฟ้องแล้ว 3 city visa, ready (ทั้งสองไปศาลมาแล้วรอบที่ 1)และ central card (รอขึ้นรอบแรก)
ยกเลิกสัญญา เตรียมฟ้อง 3 uob, Ktc, aeon
ขายหนี้ไปแล้ว cimb เงียบ,
เงียบอยู่ HSBC, BBL, SCB
หนี้ทียังเดินบัญชีอยู่บ้าง ธนชาติเนื่องจากมีรถชื่อตัวเองจำนำอยู่
สถานการณ์ ณ วันนี้ ทำงานอิสระ ยังรวบรวมเงินไม่ทัน ยังหางานประจำทำไม่ได้ รายได้ไม่แน่นอน ไม่สามารถทำแฮร์คัด อายัดเงินเดือน หรือผ่อนหลายๆเจ้าได้ สิ่งที่อยากได้ตอนนี้คือยืดเวลา บางคดีเช่นบัตรกดเงินอยากสู้เรื่องดอกเบี้ย อยากขอความเห็นพี่น้องในที่นี่ว่าควรใช้แนวทางแบบใดดี
กรณี 1 จะไปศาลครั้งแรกเพื่อขอเลื่อน และครั้งสองไม่ไปศาลให้ศาลตัดสินตามมูลหนี้แล้วหักคอจ่าย อนาคตเผื่อได้งานเป็นเงินก้อนจะขอ h/c กรณีบัตรready จะสู้เรื่องดอกเบี้ย และขอ h/c แต่ทั้งหมดนี้ก็กลัวจ่ายไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง
กรณี 2 กรณีที่จะถูกบังคับคดีเรื่องรถที่อยู่กับธนชาติ (บุริมสิทธิ์) ไม่ทราบว่าขั้นตอนตรงนี้เป็นเช่นไร
ไปศาลใช้เวลาเกือบครึ่งวัน บางครั้งเคยเห็นลูกหนี้โดนศาลต่อว่าเหมือนทำให้มีคดีรกศาล
ไม่ทราบเพื่อนพี่ๆ เห็นเช่นไร ข้อน้อยขอคำแนะนำ และขอแชร์ข้อมูล ขอบคุณค่ะ


กรณีที่ 1 ทำงานอิสระไม่ใช่หรือ ควรจะไปทุกรอบ การไม่ไปศาลไม่ใช่แนวทางของชมรม

ถ้าไม่ใช่ว่าติดธุระจริงๆ ควรจะไปทุกรอบ ไปแบบไม่มีอะไรเลยยังอาจได้รับความเมตตาเรื่องดอกเบี้ย

ถ้าไม่ไปเลยตัดสินตามฟ้องเสียเปรียบเต็มๆ


รถ ยังส่งอยู่ จะเป็นแบบกรณีที่ 2 ได้อย่างไร


กรุณาไปอ่านในนี้ หลายๆรอบ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=showcat&catid=7&Itemid=29

อ่านให้มากๆหน่อยนะครับ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4834 โดย Napassawan
ที่ตอบข้างบนเรื่องรถขอโทษครับ



ตามที่คุณ batk ตอบเลยครับ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4843 โดย dos
ขอบคุณมากค่ะทั้งสองท่าน เป้าประสงค์คือ h/c อย่างเดียว การไปเลื่อนศาลก็เพื่อต่อเวลาเผื่อได้งานมีเงินก้อน กะว่าจะจ่ายให้หมดเป็นรายๆ ไปในแต่ละเืดือน โดยขอ h/c แล้วผ่อนเช่นเดือนละหมื่น เพราะไม่มีภาระอย่างอื่นแล้ว

บุริมสิทธิื์เรื่องรถ คือ รถผ่อนหมดแล้ว แต่เอาทะเบียนไว้ที่ธนชาติเช่นพวกสินเชื่อรถช่วยได้ทำนองนั้น คืออยากทราบขั้นตอนว่าเมื่อมีหนังสือบังคับคดีมา คงจะมาที่บ้านเราก่อนแล้วเราค่อยไปแจ้งที่กรมบังคับคดีว่าติดอยู่กับธนชาติ อะไรทำนองนี้หรือเปล่าคาดว่า

คาดว่าธนชาติคงไม่ยอมเพราะมูลหนี้มากกว่า (3แสน) ส่วนบัตร 9หมื่น-แสนต้นๆ คือถ้าเผื่อใครมีประสบการณ์อยากขอแชร์

เป็นสมาชิกตั้งแต่สิงหาปีที่แล้วต้องอ่านเยอะอยู่แล้วค่ะ อยากขอความเห็นเพื่อความมั่นใจ
ไปศาลครั้งแรกเราขอเลื่อนเองเนื่องจากไม่ตกลงตามยอด ส่วนครั้งที่สอง ทนายไม่มา อ้างว่าไม่ไ้ด้หมาย

ประเด็นสืบเนื่องอันนี้เนื่องจากกรณีถ้าเราไม่สู้ แล้วไม่รู้จะชำระด้วยวิธีใด ให้คำพิพากษาออกมาและเจรจาเมืื่อเราพร้อม ประมาณนั้นค่ะ ขอบคุณทั้งสองท่านนะค่ะ กำลังชั่งใจอยู่

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4847 โดย Nok2865
พี่ minny54 เรื่องรถ ธนชาติเขาเป็นเจ้าของโดยแท้จริง ธนชาติต้องได้ก่อน เจ้าหนี้ที่ฟ้องก่อนจะยื่นเรื่องไปกรมบังคับคดี(กรณีพี่ไม่มีเงินชำระหนี้ และปล่อยไปจนถึงกระบวนการบังคับคดี)
พอมันเจอตอธนชาติ มันก็คงจะรู้ดีว่า ทำอะไรไม่ได้ หรือไม่อยากทำ เพราะเสียเวลาเปล่า
พี่บอกว่า เงินเก็บไม่ได้ เพราะไม่มีงานทำ
พี่คิดว่า ตัวเองจะหางานประจำทำได้อีกหรือเปล่า
หรือพี่จะรับฟรีแลนซ์ไปเรื่อยๆ
มีงานประจำทำ ก็มั่นคง แต่พี่ต้องทำใจเรื่องอายัดเงินเดือน
เป็นหนี้เราก็ต้องใช้หนี้ แต่ต้องใช้หนี้ในเวลาทีเหมาะสม
แล้วเราก็ต้องยอมรับว่า เราเอาเงินเขามา เราก็ต้องใช้หนี้คืน
การไปศาล ยิ่งยืดออกไป ดอกเบี้ยก็เดินตามสพรั่ง การไปศาลเหมือน "แช่แข็ง" เอาไว้
คำตัดสิน ก็ทำให้ทุกอย่างปรากฏชัดขึ้น มีแนวทางชัดเจนขึ้น (ในกรณีของพี่ ที่ไม่มี...อะไรสักอย่าง)
พี่ต้องตัดสินใจเองนะคะ...

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4848 โดย Nok2865
เรื่องธนชาติของพี่ minny54 คนละกรณีที่เป็นผู้ครอบครองรถ ทั่วๆไปนะคะ
อย่าสับสนกัน
เพราะเคสของพี่ minny54 ผ่อนรถจบหมดแล้ว แต่เอารถไปกู้ กับธนชาติอีกครั้ง
ฉะนั้น ธนชาติมีสิทธิ์ตรงนี้
และคำว่า "เจ้าของปุริมสิทธิ์" ใช้เฉพาะกับอสังหาริมทรัพย์ พวกบ้าน ที่ดิน ไม่ใช้กับรถ
แต่เพื่อความเข้าใจง่ายๆ จึงใช้คำนี้สื่อความหมายแทน...

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #4850 โดย jackTs

ถ้าไม่ไปศาลรอบ 2 เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร

ศาลท่านก็จะพิพากษาทันทีเลยน่ะสิครับ โดยใช้เหคุผลว่าจำเลย"หนีศาล"


กรณี 1 จะไปศาลครั้งแรกเพื่อขอเลื่อน

การขอเลื่อน...จะต้องมีเหตุผลที่ศาลสามารถยอมรับด้วยนะครับ
ไม่ใช่ว่านึกอยากจะเลื่อน ก็สามารถขอเลื่อนกันได้แบบง่ายๆ แล้วศาลจะอนุมัติให้เลื่อนได้โดยไม่มีเหตุผล

ทั้งนี้...สิทธิ์ในการขอเลื่อนคดีด้วยตัวของจำเลยเอง(โดยไม่ว่าจ้างทนายจำเลย) จะสามารถขอได้นานสูงสุดก็ไม่เกิน 1-2 เดือนเท่านั้น
แถมยังสามารถขอเลื่อนได้เพียงแค่"ครั้งเดียว"เท่านั้น ต่อหนึ่งคดี และเมื่อขอใช้สิทธิ์นี้ไปแล้ว ก็จะไม่สามารถขอเลื่อนได้อีกแล้ว
(ยกเว้น มีการว่าจ้างทนายจำเลยไปช่วยเลื่อนคดีให้ ก็อาจสามารถขอเลื่อนได้มากกว่า1ครั้งต่อคดี และได้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า)


และครั้งสองไม่ไปศาลให้ศาลตัดสินตามมูลหนี้แล้วหักคอจ่าย
บางครั้งเคยเห็นลูกหนี้โดนศาลต่อว่าเหมือนทำให้มีคดีรกศาล

ถ้าคุณตั้งใจแต่แรกแล้วว่า ต้องการให้ศาลพิพากษาไปเลย แล้วจะขอเลื่อนไปทำไมล่ะครับ?
การ"หักคอจ่าย"มันสามารถทำได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะสู้คดีแล้วแพ้...หรือไม่สู้คดีก็ตาม

แต่การที่คุณไปขอเลื่อนศาลแบบเล่นๆ พอได้เลื่อนแล้วก็ไม่ยอมไป(หนีศาล) มันจะส่งผลเสียมากมายทั้งตัวคุณเองและผู้อื่นด้วย...ดังนี้

- ที่คุณบอกว่า"เคยเห็นลูกหนี้โดนศาลต่อว่าเหมือนทำให้มีคดีรกศาล" ก็เพราะลูกหนี้ที่ใช้วิธีเลื่อนศาลเล่นๆ แล้วก็ไม่ไปต่อในนัดที่สอง(หนีศาล)เหมือนที่คุณกำลังคิดจะทำอยู่นี้ มันก็จะทำให้เกิดคดีซ้ำซากและซ้ำซ้อน โดยที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ และก็แน่นอนครับ หากใครเป็นผู้พิพากษาแล้วมาเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยๆ ก็คงเซ็งและหงุดหงิดแน่ ท่านถึงไม่ค่อยอยากให้เลื่อนศาลนักไงล่ะครับ เพราะไม่อยากเจอกับจำเลย(ลูกหนี้)ที่เลื่อนศาลเล่นๆ แล้วก็หนีศาลไปแบบดื้อๆ จนทำให้คดีรก(ล้น)ศาลไปหมด แทนที่จะสรุปจบไปโดยเร็วในแต่ละคดี

- การที่คุณไปขอท่านเพื่อเลื่อนคดี แล้วท่านก็อุตส่าห์เมตตาให้คุณได้เลื่อนแล้ว แต่คุณกลับไม่ไปในนัดหน้า ที่ท่านอุตสาห์ให้เลื่อน...ผมว่าศาลท่านนั้นก็คงเสียความรู้สึก และเสียใจที่ถูกหลอก ดังนั้นในนัดที่สองนี้ศาลท่านอาจพิพากษาจำเลยไปแบบ“ไม่ต้องปรานี” เช่นการลด ค่าดอกเบี้ย , ค่าฤชาธรรมเนียมศาล , ค่าทนายโจทก์...ฯลฯ ตามอำนาจที่ท่านสามารถปรับลดลงให้ได้ แต่ท่านก็ไม่ต้องไปคำนึงถึงอีกแล้ว

- คุณยังมีหนี้ต่างๆ ที่ยังต้องรอขึ้นศาลอีกหลายคดี แล้วคุณไม่คิดเหรอครับว่า คุณอาจได้เจอกับผู้พิพากษาคนเดิม ที่คุณเคยไปขอเลื่อนคดีแล้วไม่ไป(หนีศาล)...แล้วคุณจะทำอย่างไร?

- ถ้าหากลูกหนี้ทุกคนทำแบบนี้กันหมด และหลายๆครั้ง จะส่งผลทำให้การฟ้องคดีในภายภาคหน้า จะขอเลื่อนคดีได้ยากมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีของคุณเองในอนาคต หรือคดีของคนอื่นๆที่จะถูกฟ้องในรุ่นต่อๆไปก็ตาม



อนาคตเผื่อได้งานเป็นเงินก้อนจะขอ h/c

ถูกต้องแล้วครับ Hair cut สามารถทำได้ตลอดชีพ...เมื่อเราพร้อม
แล้วคุณจะขอเลื่อนคดีไปทำไมครับ เพราะถ้าหากได้เลื่อนแล้ว คุณก็ยังไม่มีเงินไป Hair cut อยู่ดี

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=749&Itemid=29


กรณี 2 กรณีที่จะถูกบังคับคดีเรื่องรถที่อยู่กับธนชาติ (บุริมสิทธิ์)

คำว่า"หนี้บุริมสิทธิ์"หมายถึงหนี้รับจำนอง ที่สามารถใช้กับ"สังหาริมทรัพย์" หรือ "อสังหาริมทรัพย์" ก็ได้

ถ้าเอารถที่เป็นชื่อของเรา(รถที่ซื้อด้วยเงินสด หรือรถผ่อนหมดแล้ว)ไปค้ำประกันเพื่อการกู้เงิน จะถูกจัดเป็นประเภทสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน(จำนอง)
หากลูกหนี้ผิดนัดชำระสินเชื่อตัวนี้ ทางฝ่ายเจ้าหนี้ก็สามารถฟ้องเพื่อริบเอาสินทรัพย์ที่ค้ำประกันนี้ ไปขายทอดตลาดได้ แต่ถ้าขายแล้วยังขาดทุนอยู่อีก ก็เข้าสู่กระบวนการอายัดอย่างอื่นต่อไป


ไม่ทราบว่าขั้นตอนตรงนี้เป็นเช่นไร

ที่ชมรมฯแห่งนี้คือ

นะครับ


ปล.เท่าที่ผมจำได้ คุณเคยมาฟังการอบรมที่ มพบ.ถึงสองครั้งแล้วนี่ครับ
- ครั้งแรกวันที่ 9/ต.ค.2554 ผมเป็นวิทยากรหลัก
- ครั้งที่สองวันที่ 29/ม.ค.2555 วิทยากรโดย คุณเครดิตแมน
ทำไมถึงยังไม่เข้าใจแนวทางปฎิบัติในการขึ้นศาลอีกล่ะครับ?

.

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
ไฟล์ที่แนบมาด้วย:
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4878 โดย dos
ขอขอบพระคุณ คุณbalk คุณพีจัง ท่านกรรมการ คุณกอบัวและ ท่านประธานคุณนกกระจอกเทศที่กรุณาให้ความกระจ่างชัดเจน และสอนสั่งค่ะ ต้องขออภัยที่ยังไม่แตกฉาน แม้จะเข้าอบรมทั้งสองครั้งบางทีก็ยังเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อน นับเป็นศิษย์ที่ยังใช้การไม่ได้ จึงยังต้องอบรมครั้งต่อไป ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ คงต้องกลับมาอ่านให้มากๆ อีกอย่างคุณพีจังว่าเสียแล้ว
ก่อนอื่นเป็นศิษย์ของชมรม มีเจตนาที่จะใช้หนี้อยู่แล้ว นึกคิดอยู่ในใจตลอดว่าจะทำอย่างไร เปลี่ยนงานแล้วยังหางานใหม่ไม่ได้ หางานตลอด แต่เนื่องจากอายุมาก จึงหางานยาก ตั้งใจว่าถ้าได้เงินเดือนจะขอ h/c ปิดแต่ละตัวด้วยเงินเดือนทุกเดือนให้จบไป ติดว่าตอนนี้เงินก็มีน้อยทำ h/c ไม่ได้ การผ่อนหลายๆ เจ้าเหมือนตอนผ่อนขั้นต่ำ คงผ่อนไม่ไหว เช่นเดียวกับการสู้คดีทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีปัญญาจ่าย แต่ก็ขอสู้เพื่อให้ได้ตัวเลขที่เป็นธรรม
ตอนเลื่อนครั้งแรกคิดว่าจะได้งาน ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ จะได้ชำระหนี้เสียให้เสร็จสิ้น แต่ก็เกิดน้ำท่วมเสียก่อนงานที่วางแผนไว้ต้องเลื่อน และยกเลิกไปในที่สุด ส่วนเลื่อนครั้งที่สองทนายโจทก์ไม่มาศาลเอง
สรุปว่าสิ่งที่จะทำต่อไป คือ กรณีที่ไม่สู้ให้ศาลพิพากษาเลยในนัดแรกเพื่อให้ได้ตัวเลขที่ยุติธรรม กรณีบัตรเงินสดจะสู้เรื่องดอก จะไปศาลทุกครั้งเพื่อให้คดีสิ้นสุดมีคำพิพากษาออกมา เรื่องที่ศาลจะได้ยุติแล้วมาเจรจาระหว่างคู่กรณีเอง ถ้ายังจ่ายไม่ได้ก็ให้เขาบังคับคดีไป
ขอขอบพระคุณอีกครั้ง ยินดีรับคำติชมเสมอค่ะ

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4882 โดย Nok2865
ขอบคุณพี่นกกระจอกเทศ ที่มาไขความกระจ่างให้ชัดเจนอีกครั้ง
ชมรมฯ บางครั้งมีความลำบากใจหลายประการกับคำถามหน้าบอร์ด
บางคำถาม รู้ แต่ตอบไม่ได้ บางทีก็ตอบไม่ได้ทั้งหมด
กรรมการเอง ตอบชัดแจ้งแดงแจ๋ คนที่ติดคุกคือ กรรมการท่านนั้น ไม่ใช่สมาชิกที่ถามเลย

เพราะไม่ใช่เฉพาะคนเป็นหนี้เท่านั้นที่เข้ามาอ่าน มาหาข้อมูลตัังรับกับคนเป็นหนี้
มีเจ้าหนี้ คนทวงหนี้ ทนาย แม้กระทั่งผู้พิพากษาเข้ามาอ่าน
แค่คำว่า "เป็นหนี้" ก็จั่วหัว ตีตราเราแล้วว่าเป็น "คนเลว คนผิด" ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย
ฉะนั้น ชมรมฯ จึงอยากเป็นที่พึ่งทางใจ และที่พึ่งในทางกฎหมาย ให้รู้เท่าทัน แบบมีความเหมาะสมในที ไม่ใช้ช่องโหว่เอาเปรียบ
แม้ว่าความเป็นจริงของสังคม เจ้าหนี้ มี เจ้าหน้าที่ของภาครัฐและเอกชน โอบอุ้มยื่นดาบให้ฟันเรา ฆ่าคนไทยด้วยกันเอง ด้วยประกาศที่ไม่เป็นธรรม
ชมรมฯ จึงพยายามร่วมมือกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ ภาครัฐ ผลักดันให้มีกฎหมายทวงหนี้ ที่เป็นธรรม รวมไปถึงผลักดันให้มีการเก็บดอกเบี้ยที่เป็นธรรมกว่านี้
แม้รู้ว่ามันยาก เหมือนไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่เราก็จะทำ

ตัวสมาชิกเอง พยายามหาความรู้มากๆจากเว็บเก่า และใหม่ หากมีข้อสงสัยประการใด ให้ใช้เบอร์ Hotline ของกรรมการให้เป็นประโยชน์นะคะ
สำหรับบัว เป็นกำลังใจให้พี่มินนี่ และสมาชิกทุกท่าน ให้แก้ปัญหาหนี้ได้ถูกทาง...

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้
คือความไม่เห็นแก่ตัวและคิดถึงคนอื่นก่อน
เมื่อคุณเรียนรู้เพื่อจะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: Lazio009

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา - 12 ปี 2 เดือน ที่ผ่านมา #4900 โดย jackTs

ต้องขออภัยที่ยังไม่แตกฉาน แม้จะเข้าอบรมทั้งสองครั้งบางทีก็ยังเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อน นับเป็นศิษย์ที่ยังใช้การไม่ได้ จึงยังต้องอบรมครั้งต่อไป


ขออนุญาตอ้างอิงถึงสรุปการประชุมของคณะกรรมการชมรมฯ
ครั้งที่ 5/2554 (วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2554)
ณ.ห้องประชุม มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซอยวัฒนโยธิน (ราชวิถี 7) อนุสาวรีย์ชัยฯ

ตามมติของที่ประชุม ข้อที่ 4.2.3 ในหัวข้อ "สมาชิกที่เคยมาฝึกอบรมฟรีที่ มพบ.แล้ว ยังจะสามารถขอมาฝึกอบรมได้อีก ในครั้งอื่นๆต่อไป โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง...หรือควรจำกัด?"

ในการอบรมฟรีที่ มพบ.ได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง จากรายชื่อสมาชิกที่ลงทะเบียน จะเห็นได้ว่ามีสมาชิกหน้าเก่าที่มาอบรมซ้ำๆอยู่หลายท่าน แต่ข้อจำกัดในการใช้สถานที่ของ มพบ.ก็คือ มีจำนวนที่นั่งของผู้เข้าอบรมจำกัดเพียง 50 ที่นั่งเท่านั้น การที่สมาชิกหลายท่าน ลงทะเบียนอบรมซ้ำๆ จะถูกมองว่าเอาเปรียบสมาชิกใหม่ๆ ที่ไม่เคยเข้าอบรม เพราะบางคนที่มาลงทะเบียนอบรมแบบซ้ำๆนั้น ไม่ต้องการมาฟังความรู้ แต่ต้องการมาเพื่อพบปะกับเพื่อนๆสมาชิก หรือกรรมการเสียมากกว่า

ที่ประชุมจึงเสนอความคิดเห็นร่วมกันว่า ควรจะจำกัดจำนวนครั้งการเข้าอบรมของสมาชิก ที่เคยเข้ารับการอบรมไปแล้ว ดังนี้ จำกัดจำนวนให้สมาชิกท่านเดิม อบรมได้เพียงท่านละ 2 ครั้งเท่านั้น โดยให้มีผลนับย้อนหลังในครั้งที่ผ่านๆมาด้วย โดยให้แม่งานที่จะจัดกิจกรรมในครั้งต่อไป ชี้แจงต่อสมาชิกที่เคยมาอบรมเกิน 2 ครั้งแล้ว บนหน้าเว็บบอร์ด และขอให้ถือเป็นกติกาในการคัดกรองสมาชิกที่จะเข้าอบรม

.
อนณสุข ปรมาลาภา

ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
สมาชิกต่อไปนี้บอกขอบคุณ: ntps

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #6069 โดย Champcyber99
คุณminny54 เรื่องไปถึงไหนแล้วครับตอนนี้ปิดหนี้ได้บ้างหรือยังผมยังเป็นกำลังใจให้นะครับคำว่าหนี้มันอยู่กับเราไม่นานครับ
ไฟล์แนบ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

12 ปี 1 เดือน ที่ผ่านมา #6149 โดย jaruwan wangrangka
ผมก็เป็นหนี้ Citibank เหมือนกันครับ แวะมาหาข้อมูลและให้กำลังใจ พี่ๆ เพื่อนๆ ในชมรม

บางครั้งเราเหนื่อย เราก็พัก เพื่อเอาแรงเตรียมสู้กับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ขอให้เรามีกำลังใจ และ สติ อีกไม่นาน หนี้ก็จะหมดไป


ผมช่วง หนึ่ง ถึงสองเดือน แรก เครียดมากจนลงกระเพาะ เพราะ ครอบครัวไม่รู้เรื่อง พอรู้แล้วต้องมานั่งคุยปัญหาต่าง ๆ ว่าเราจะแก้ไขอย่างไร บทสรุป คือ หยุดจ่ายทุกบัตร และไม่เอาเงินจากที่อื่นมาใช้ ใช้เฉพราะ เงินเดือนที่ได้รับ ประหยัดให้มาก แต่ไม่ใช้ อด จนครอบครัว ลำบาก


สู้ๆ นะครับ สติมาปัญหาเกิด
:สู้ๆ:

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อเข้าร่วมวงสนทนา

ผู้ดูแล: MommyangelBadmankonsiam
เวลาที่ใช้ในการสร้างหน้าเว็บ: 0.763 วินาที
ขับเคลื่อนโดย ระบบฟอรัม Kunena