และแล้ว หนี้บัตรก็เป็น 0

ต่อครับ

แล้วชีวิตผม ก็ยังวนเวียนอยู่ในวังวน ของหนี้ก้อนนี้อยู่ ช่วงที่ผมมีตำ่แหน่งใหม่ ผมไม่ค่อยได้ขายบัตรเครดิตแล้วครับ เพราะรู้สึกอาย เนื่องจากตัวเองเริ่มมีตำแหน่งที่สูงขึ้น (รสนิยมสูง ดูหมิ่นเงินน้อย)

แล้ววันนึง ผมก็ได้ข่าวจากเพื่อนที่ขาย บัตรเครดิตครับ

เฮ้ย ซวยแล้ววะ พี่... ถูกไล่ออกแล้ว

" อ้าว เค้าไปทำไรผิดอะ"

' แม่ง เอาบัตรประชาชนลูกค้า ไปปลอมบัตรเครดิต ทำไปหลาย สิบรายเลย'

" เฮ้ย ไม่ใช่กูโดนไปด้วยเปล่าวะ ตอนสมัครงานกับเค้า มีสำเนาบัตรประชาชนกูด้วย"

' กูซวยกว่าเมิงซะอีก เดือนก่อนเขา จะออกรถ แล้วให้กูไปเซ็นต์ ค้ำให้ ตอนนี้หาตัวไม่เจอแล้ว'

" ไหนเมิงบอกว่า เขาเป็นคนดี ไว้ใจได้ไง"

' ใครมันจะไปรู้วะ'


จากเหตุการณ์ ในครั้งนี้ ผมเริ่มรู้สึกได้เลยว่า คนเราถ้าไม่ใช่ญาติ พี่น้อง ยังไงก็เป็นมนุษย์ ที่เห็นแก่ตัว จ้องที่จะหาผลประโยชน์จากคนอื่น

ดีที่ผมเชื่อแฟนผม ไม่ให้ออกจากงาน ไม่งั้นชีวิต ผมคงจบอย่างไวแน่

ต่อครับ

ช่วงที่ผมเริ่มเข้าที่กับตำแหน่งงานใหม่ ผมเริ่มทำงานหนักขึ้น มองอะำไรได้กว้างขึ้น เริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ถ้าผมไม่มีหนี้ก้อนนี้ก็จะดีสิ

ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเหนื่อย กับการหมุนหนี้บัตรแล้ว ผมต้องหาทางออก

ผมยังมีญาติที่น่า จะพึ่งพาได้สิ
ผมยังมีอาผู้หญิง อีกคนนึง ที่มีฐานะดี เป็นเจ้าของกิจการอีกแห่ง และยังเล่นที่ ขายที่อีกด้วย
แกยังโอนที่ดินแปลงนึงให้ผม เพราะแกจะได้เลี่ยง ภาษี

ในที่สุด ผมก็หาเวลาเหมาะตอนที่ แกใช้ผมขับรถไปดูที่แปลงใหม่

" โกวครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ " ผมพูดในขณะขับรถ
' รื้อมีเรื่องอะไร'

" ผมมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ จ่ายไม่ไหวแล้วครับ โกวพอจะให้ผมยืมเงินก่อน ได้ไหมครับ"
' แกยิ้มแล้วพูดว่า รื้อพูดเล่นใช่ปะ '

" ผมจะกล้าพูดเล่น กับโกวเหรอครับ "
' แล้วเป็นหนี้เท่าไหร่'

" เกือบล้านครับ "

' ฮ้า รื้อเครดิตดีขนาดนั้นเลยหรอ '

จริงๆ ยอดหนี้ที่ ผมติดอยู่ เหลืออีกประมาณ 850000 ยังไม่รวมที่ยืมแฟนมาอีก 540000

' รื้อไปทำรายการ แต่ละรายมาก่อง แล้วเอามาให้อั้วดู '

ผมเริ่มมีความหวัง อีกครั้ง หวังที่จะจบได้อย่างสวยงาม

ต่อครับ

บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมผมไม่หยิบยืมพ่อแม่ พี่น้องก่อนใช่ใหมครับ จริงๆ แล้ว ผมก็หยิบยืมมาหมดแล้ว เรื่องมันยาวมาก แต่ผมจะรีบเล่าแบบสรุปให้ฟังครับ

ย้อนหลังไป ประมาณ 13-14 ปีก่อน

ตอนที่ผมเพิ่งเรียนจบ ปริญญาตรี ผมได้เข้าทำงาน กับบริษัท แห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับ jewerly ครับ โดยพ่อผมเป็นคนฝากงานให้ เพราะแกรู้จักกับเถ้าแก่ในนั้น

เนื่องด้วยที่บริษัทฯ อยู่ค่อนข้างไกล ผมเลยบอกกับแม่ผมว่า ผมอยากได้รถขับไปทำงาน แล้วผมจะผ่อนคืนให้ แม่ผมก็ไปออกรถป้ายแดงให้ผม โดยซื้อเป็นเงินสด ประมาณ ห้าแสนกว่าครับ

แต่ก่อน ผมเป็นคนใจร้อน ขับรถก็ขับเร็ว ประมาณ 170-180 ผมใช้เวลาอยู่ในบริษัทฯนี้เกือบปี ทำหน้าที่ชั่งทอง หลอมทอง คัดตัวเรือน เก็บเศษทอง ทำไปทำมา ผมคิดว่า ที่ผมเรียนมามันไม่ได้ใช้เลย แล้วผมก็โดนเจ้านายกลั่นแกล้ง เช่น เอาทองที่ผมดูแลไปซ่อนบ้าง บอกว่าทองที่ได้จากผมไม่ครบบ้าง

ซึ่งถามผมว่า โดยรวมแล้วแกเป็นคนดีหรือไม่ ก็ใช่ครับ แต่แกกลัวผมแย่งเก้าอี้แกอยู่ เพราะแกไม่ได้เรียนจบมาสูง ผมได้แต่เครียด กดดัน จนเคยเป็นริดสีดวงครับ

เชื่อไหมครับ คนเราเวลา ร่วงแล้วมักจะมีลางบอกเหตุ เหตุการณ์แรกที่เกิดกับผม คือ

มีอยู่วันนึง ผมชวนเพื่อนร่วมงาน ออกไปกินข้าวกลางวัน (ปกติที่บริษัทฯ มีเลี้ยง ข้าวกลางวัน กับมื้อเย็นครับ)

' วันก่อน กูโดนหมาวิ่งมาชน จนกูล้มกลิ้งไปหลายตลบ'
"อ้าว ไปขี่อีท่าไหนวะ " (เพื่อนผมขับ มอเตอร์ไซด์ครับ)

' เนียะ ก้อแถวที่เราพึ่งขับ ผ่านมา หมาเยอะ ฉิบ ' (ตอนนั้นผมเหยียบอยู่ราว 140-150ครับ)





<<<<<<<<<<<<<<<<< เปรี้ยงงงงงงงง เอ้งงงงงงงง.......>>>>>>>>>>>




ซักพักพอ สติผมกลับมา ร่างของสุนัข ตัวนี้ ก็หลุดออกจากตัวรถ เป็น 2 ร่าง

' สะใจ ฉิบหาย ' เพื่อนผมตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง

ตอนที่ผม เห็นหมาแม่ลูกอ่อน ผมเห็นมัน กับลูกมัน อยู่ตรงกลางถนน ผมคิดว่าถ้ามันอยู่กับที่ มันคงไม่เป็นไร แต่ถ้ามันวิ่งมาทางรถผม ผมจะเบรค รถคงจะหมุน ถ้าหักหลบ ผมได้ไปยมโลกแน่ ผมคิดก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้

ผมเอารถไปจอดหน้า บริษัทฯ ดูร่องรอยความเสียหาย ปรากฎว่า ขาของหมาทิ่มทะลุแผงแอร์ด้านหน้า

" ทำไมถึงซวยอย่างนี้วะ" ผมได้แต่นึกบ่นในใจ>>>>>>>>>>

ออกมาใกลไป พรุ่งนี้จะเข้าเรื่องเลยครับ. ผมมีคำถามทิ้งท้ายหน่อยครับ ่คุณว่าสถาบันการเงินไหน ทวงหนี้ไม่เป็นธรรมครับ ่

ต่อครับ


ผมทำรายงานให้ อาผม ดังนี้ครับ (ตัวเลขกลม ๆ )

ยอดหนี้บัตรอิออน 30000 บาท

กรุงศรี 40000 บาท

โฮมโปร 50000 บาท

ซิตี้แบงค์เคลียร์ 55000 บาท

บัตรกดเงิน ซิติแบงค์ 94000 บาท

บัตรกดเงิน อีซี่บาย 140000 บาท

บัตรกดเงิน ควิกแคช 140000 บาท

HSBC VISA 55000 บาท

HSBC MASTER 35000 บาท

บัตร โลตัส 30000 บาท

บัตรกดเงิน ชาร์เตอร์ 50000 บาท

บัตรเซ็นทรัล 50000 บาท

ยืมเงินแฟน 240000 บาท

รวม 1009000 บาท


จริง ๆ แล้ว ผมไม่กล้าบอกว่ายืมเงินแฟนมามากกว่านี้ กลัวแกจะไม่ช่วย แล้วผมก็ส่งสลิป ใบแจ้งหนี้ทั้งหมดให้แกดู ว่าผมเป็นหนี้ทั้งหมดจริง ๆ


' แล้วแกจะใช้คืน ยังไง'

" ผมผ่อนให้เดือน ละ 5000 บาท 20 ปี ก็หมดครับ "

' ตอนนั้น กูก็อยู่ในโลงแล้ว '


แต่อย่างที่ผมเคย บอกครับ ว่าดวงผมจะมีผู้ใหญ่ สนับสนุน

อาผมช่วยครับ แต่ไม่ได้ให้มาเป็นเงินก้อนครับ ผมทำรายการ จ่าย ของบัตร แต่ละเดือน ประมาณ 80000 - 120000 บาท ให้แก

จริง ๆแล้ว ถ้าทุกท่าน เป็นผม คงจะโชคดีมาก ๆ เลย ใช่ใหมครับ แต่มันไม่ใช่สำหรับผม
ผมยังใช้ชีวิต โลดโผน กว่าเช่นเคย ผมเอาเงินอาจ่ายบัตรไปแต่ละเดือน แล้วผมก็กดออกมา รูดซื้อของเป็นว่าเล่น ใช้ชีวิต ดังมะหาราจา

จนวันนึง แกก็หยุดช่วย แกบอกแกไม่ให้แล้ว ยอดเงินที่แกช่วยผม ราว 780000 บาท แต่เงินที่แกช่วยผมก้อนนี้ ก้ยื้อให้ผมอยู่ได้เป็นแรมปี


ผ่านไปจน บัตรแต่ละใบใกล้จะเต็มอีก ทำไมดอกเบี้ย มันขึ้นเร็วจัง ผมคิดอยู่นาน แล้วจะทำไงต่อไปดี

ต่อครับ


ในช่วงที่ผมกำลังจะร่วงอีกครั้ง ผมก็เริ่มมีความหวังครับ

ลูกค้าที่ผมรู้จัก และสนิท ถึงขั้น ไปกินเหล้าด้วยกัน ไปเที่ยวอ่างด้วยกัน แกเริ่มมีตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้น

วันนึงแกเรียกผมเข้าไปคุยเรื่อง งาน Project ที่แกจะต้องรับผิดชอบ

' ปีนี้ งานเยอะไม๊ '

" ก็ พอสมควรครับ พี่มีงานให้ผมเหรอ "

' เออวะ แต่งานมันใหญ่นะ จะรับไหวไม๊ '

" เท่าไหร่ ผมก็เอา ครับพี่ "

' เออ เอ็งไปเตรียมตัวไว้ได้เลย เดี๋ยว ข้า ออก TOR แล้วจะเรียกให้เข้ามาดูก่อน เผื่อจะได้แก้ไขอะไร ได้ก่อน '

งานที่ว่า นี้ มีมูลค่า เป็นเลข 8 หลักครับ ถ้าผมรับงานนี้ ผมจะได้เงิน เห็น ๆ เป็นตัวเลข 7 หลักครับ


<<<<<<<<<<<<<<<<<<< เริ่มเห็นหนทางสว่างแล้ว>>>>>>>>>>>

ต่อครับ

แล้วอยู่มาวันนึง ผมก็มีสติ และ พร้อมที่ สู้กับศึก กับตัวเอง

ผมจะต้องปลดหนี้ให้ได้ หนี้ต้องหมด ผมนึกในใ่จ พลางคิดว่า ตั้งแต่วันนี้ ตอนนี้ ผมจะไม่จ่ายเงิน ไอ้พวกบัตรต่าง ๆ แม้แต่บาทเีดียว ( มันกินเงินไปตั้งเยอะแล้ว พอซะที )

ก่อนหน้าผมเข้ามาศึกษา ในบอร์ดนี้ ว่า ต้องรับมือ ยังไง จะเจออะไรบ้าง แล้วไปศาลต้องทำไง

แล้วเดือนแรกที่ผมเริ่มหยุดจ่าย

เจ้าหนี้แต่ละราย ก็ทยอยโทรมาหา

เดือนแรก กว่าจะผ่านไปได้ มันอึดอัดครับ รำคาญ แต่ต้องทน

เข้าสู่เดือนที่ 2 -3 มันยิ่งทรมานครับ เพราะว่าเวลาโทรมา จะโทรมาแบบ เว้นช่วงเช้า ช่วงบ่าย บางที่ ช่วง เย็น ช่วงค่ำ ก็โทรมา ผมเริ่มรำคาญกับ ไอ้พวกทวงหนี้แบบนี้

ในแต่ละวันผมต้องรับ โทรศัพท์ กับเจ้าหนี้มหาโหด ไม่ต่ำกว่า 4 -5 สายในแต่ละวัน
ผมรำคาญ จนวันนึง ผมไปบอกโอเปอร์เรเตอร์ ครับ ว่า ให้ถามว่าโทรมาจากไหน ต้องการคุยเรื่องแบบไหน ถ้าไม่เกี่ยวเรื่องงาน ให้บอกว่าผมไม่อยู่

แล้วมันก็ยิ่งทำให้ผม โมโหมากขึ้นอีกครับ เวลาพวกทวงหนี้โทรมา ผมจะปิดโทรศัพท์มือถือครับ
พอโทรมาที่ทำงานไม่ได้คุัยกับผม มันก็โทรไปที่บ้าน คุยกับพ่อแม่ผม

ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่บ้านแล้วครับ ผมเริ่มออกมาเช่าห้องอยู่กับแฟนผม เพราะผมรู้ว่าไอ้พวกนั้นมัน จมูกไว

มีอยู่วันนึง ผมเดินเข้าที่ออฟฟิศ ยังไม่ทันจะเดินเข้าห้องทำงานของผม โทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น พร้อม ๆกับโทรศัพท์ในออฟฟิศ ผมตัดสินใจรับสายแล้วเข้าไปคุยในห้องทำงาน ( วิธีที่ดีที่สุด ใครโทรมาต้องรับ ครับ เพราะถ้าไม่รับ พวกนี้มันจะ กระหน่ำจนกว่าจะได้ วิญญาน พวกคุณครับ )

' คุณ.... เมื่อไรจะจ่ายครับ '

" ไม่มี ไม่จ่าย " ผมพูดยียวนใส่ครับ

' เออ ถ้าคุณไม่จ่าย เราจะส่งพนักงานไปที่ทำงานนะครับ '

" ก็แล้วแต่คุณสิ แต่เดี๋ยวผมก็ไม่อยู่แล้ว "

' เอ๊ะ เมื่อคืนคุณ คุณไม่กลับบ้านหรือไง เราให้พนักงานไปเฝ้าคุณที่บ้าน ทั้งคืน ไม่เห็นคุณเข้าบ้าน '

" <<<<<<<<<<< เปรี้ยง >>>>>>>>>>>>>>>>



สายตา ทุกคู่ของพนักงาน อื่น ๆ มองเข้ามาในห้องทำงานผม

ผมขว้าง โทรศัพท์ใส่โต๊ะทำงาน แล้วปิดคอมพิวเตอร์ เดินไปสตาร์ทรถ แล้วขับออกไปโดย ที่มีความรู้สึกว่า อยาก จะฆ่า ไอ้คนที่โทรมา.............................

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

รอติดตามอยู่นะคะ

ต่อครับ

เข้าสู่เดือนที่ 7-8 การโทรมาทวง เริ่มน้อยลง หรือเพราะผมเริ่มชินก็ไม่รู้

ทุกๆ ครั้งที่มีเจ้าหนี้โทรมาทวง ผมจะให้พวกมันพูดสัก 2 - 3 ประโยค แล้วผมจะพูดแต่เพีียงว่า " คุณ ก็ทำไปตามระบบสิ ผมไม่ว่างคุยเล่น ผมจะทำงาน "

และแล้ว หมายศาล เล่มแรกก็ส่งมายังบ้านผม เป็นของ ซิตี้แบงค์ครับ ฟ้องรวม 2 บัญชีั ยอด 160054 บาท
ผมอึ้งไปสักพัก ' '' นี่เราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วหรือนี่ ''''

ระหว่างที่รอคอย วันที่จะไปศาล ผมกระวนกระวายใจ อย่างบอกไม่ถูก กลัวก็กลัว ไม่ใช่ผมไม่เคยขึ้นศาลนะครับ ผมเคยขึ้นครั้งนึง ตอนช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดนข้อหาเมาแล้วขับ แต่นี่ไม่ใช่คดีอาญานี่ ผมจะกลัวไปทำไม ผมไม่เคยโกงใคร หรือไปทำให้ใคร เสียหาย ก็แค่ยืมเงินเค้ามา แล้วไม่มีเงินใช้คืนเท่้านี้เอง

แล้วก็ถึงวันที่ต้องไปศาลในวันแรก คืนนั้นผมนอนไม่หลับ ศาลนัดไต่สวนช่วงเช้า ผมก็ไปถึง 8 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้ไปดูบอร์ด จะมีเลข คดีดำ อะไรนี่และ ให้เราจดมาพร้อมห้อง พิจารณาคดี

''''' ฉิบหาย ละ ไม่เห็นมีชื่อเราเลย '''''''''

ผมก็เดินไปถามเจ้่าหน้าที่ ให้ช่วยมาดู ปรากฏว่า เค้าพิมพ์ เวลาให้ผมผิด คดี ของผมจะพิจารณาในช่วงบ่าย


<<<<<<<<<<<<< นี่เราต้องติดอยู่ในศาลทั้งวันเลยหรือนี่>>>>>>>>>>>>>

ต่อครับ

แล้วการขึ้นศาล ของผม ก็เริ่มเหมือนการไป ช๊อปปิ้งครับ ผมต้องไปศาลอีก 7 ครั้ง รวมแล้วก็ 8 ครั้งที่ผมต้องไปฟังคำพิพากษา ของการยืมเงิน เค้า แล้วเบี้ยวไม่ยอมจ่ายคืน

บางครั้งผมเตรียมตัวอย่างดี พูดให้ผู้พิพากษาฟัง เช่น " ผมเป็นหนี้เจ้าหนี้นี้มาหลายปี เงินต้นจริงๆ แค่ครึ่งนึง จากมูลหนี้ที่ฟ้องครับ ดอกเบี้ยก็ครึ่งนึงไปแล้ว "

แต่ผู้พิพากษา ก็จะบอกว่า ' คุณตกลงกับเขาแล้วตั้งแต่ คุณไปทำนิติกรรมครั้งแรก คุณยืมเงินเขา คุณก็ต้อง เสียดอกเบี้ยให้เขา แล้ว ดอกเบี้ยที่ว่า เขาเก็บเกินหรือ เปล่าละ '

ผมเริ่มรู้สึกได้เลยว่า การไปศาลต้องแต่งตัวยังไง คือ ถ้าคุณแต่งตัวดีหน่อย เช่น ใส่เสื้อเชิต แขนยาว กับใส่ เสื้อยืด โปโล ตอนคุณบอกให้ศาลเมตตา ศาลจะช่วยใคร ผมไม่ต้องตอบนะครับ

ใน 8 คดี ผม ทำยอมทั้งหมด 7 คดี และมี อีก 1 คดี ที่ผมยอมให้ศาลตัดสินครับ
ระหว่างที่ ผมรับหมายศาล ทั้งหมด มีเรื่องราวอีกมากมายของผม ที่ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะมีวันนี้ได้
ไว้ผมจะกลับมาเล่าต่อนะครับ

มา update ข้อมูลให้ฟังอีกนะคะ รออยู่ค่ะ

ต่อครับ

ขอโทษที่ หายไปนาน ครับ มัวแต่วุ่นกับการจะมีหนี้ก้อนใหม่


แต่ก่อนเวลามีบัตรเครดิตหลายๆ ใบมันดูเท่ห์มาก เวลาควักออกมา โชว์ว่าจะรูดใบไหนดี เอ๊ะหรือใบนี้ดี เพราะมันมีสีทอง

เดี๋ยวนี้ ผมภูมิใจกว่าแต่ก่อนครับ จะซื้ออะไร ก็ใช้เงินสด อย่างเดียว แต่ก่อนจะซื้อโทรศัพท์ โนเกียให้แฟน ยังต้อง ผ่อนกับ อีซี่บาย กว่าจะทำเรื้องผ่าน ก็หลายชั่วโมง

ตอนนี้ ผมซื้อไอแพด ไอโฟน ให้แฟน ผมควักแต่เงินสด จ่ายไปครับ ไม่ต้องรอทำเรื่องให้เสียเวลา แถมดูเท่ห์ กว่าแต่ก่อนอีก ผมเป็นพวกโรค ขาดความอบอุ่นครับ


เข้าเรื่่องต่อครับ

เวลาพวกทวงหนี้ โทรมาทวง ผมเริ่มรู้ว่า ตัวเองตกอยู่ในสถานะอะไร กลัวก็กลัว จนเมื่อผมได้อยู่ หน้าบังลังค์ ศาล สิ่งที่ผมต้องกลัว ก็คือ คำตัดสินจากศาลเท่านั้น เอง ในช่วงการทวงหนี้หลังๆ ผมมักจะบอกเจ้าหน้าที่ที่โทรมา ว่า คุณรีบส่งเรื่องผมฟ้องเถอะ ขอร้อง ดอกผมจะได้หยุด ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ เพราะ ถ้าเมื่อไหร่ที่สถาบันไหนที่คุณ เป็นหนี้ ไม่ส่งเรื่องฟ้อง มันก็จะกัดกินคุณด้วยดอกเบี้ยมหาโหด

ผมลองสังเกตุดูจากหมายศาลแต่ละที่ ยอดที่ฟ้องกับยอดที่ผมเป็นหนี้อยู่จริง ยกตัวอย่าง ถ้าผมเป็นหนี้อยู่ หนึ่งแสน ยอดฟ้องจะอยู่ราวราว แสนสอง

สำหรับคนที่เริ่มต่อสู้กับตัวเอง ขอให้เข้มแข็งเข้าไว้นะครับ คนเราจะล้ม ก้ไม่ได้ล้มแค่หนเดียว คนเราจะสำเร็จได้ ก็ไม่ใช่ว่า จะทำกันได้แค่ คนคนเดียว

นายแน่มากทาเคชิ !!!

สวัสดีครับ ยังจำผมได้ไหมครับ


ผมเซลล์แมนก๋องแก๋งไงละครับ วันนี้มีเรื่องราวที่จะมาอัพเดทให้ฟังครับ

ต่อครับ

ช่วงชีวิตของคนเรา ตอนที่มีความสุขที่สุด ก็ตอนที่ไม่มีหนี้ครับ แต่ แต่ คนเราความเพียงพอมันไม่มีใช่ไหมละครับ

มันก็เหมือนชีวิต ของเซลล์แมน ก๋องแก๋งผู้นี้ ผู้อยากจะมีหน้ามีตาในสังคม อยากจะดูดีในสายตาผู้อื่น แล้ว ผมก็ตกเป็นเหยื่อ อีกแล้วครับ ตอนนี้ ผมได้สร้างหนี้ก้อนใหม่อีกแล้ว

หนี้ก้อนนี้มัน มากกว่า หนี้บัตรเครดิต ที่ผมเคยมีอีกครับ

สวัสดีครับ ขอไปต่อกระทู้ใหม่นะครับ

ต่อครับ


ช่วงที่ผมเอาตัวรอด จากหนี้บัตร คือตอนที่ขึ้นศาลแล้ว ประนีประนอมแล้ว ก็คือตอนที่มีเงินก้อน ก็เอาไปต่อลองกับ เจ้าหนี้ครับ เช่น ตอนที่ผมเป็นหนี้ ง่ายซื้อ ยอดฟ้องประมาณ 140000 บาท ทำยอม ผ่อนเดือนละ 1500 บาท ผมผ่อนไปประมาณ ปีกว่า ก็ขอ ต่อรองเล่นๆ บอกว่า ผมมี 55000 เอาไหม ส่วนใหญ่ก็จะได้ครั้บ แล้วผมก็ใช้วิธีนี้กับ เจ้าหนี้ทุก ๆ ราย จนรายสุดท้ายที่ผมต่อรองไม่ได้ก็คือ บัตร ธนสินทรัพย์ ครับ ยอดที่ต้องจ่าย ประมาณ หมื่นสามพันกว่า ผมต่อรอง จนผมหมดความอดทน ครับ สุดท้ายผมก็ต้องยอมจ่ายให้ครับ

ตอนจ่ายก็ไปจ่ายประมาณ หนึ่งหมื่่น สองพันเก้าร้อยกว่าบาท ผมรีบไปจ่ายที่ เคาวเตอร์ แต่ทางเคาวเตอร์ ไม่รับชำระครับ บอกให้ไปจ่ายที่ 7/11 สิ่งที่ผมยอมทำในขณะนี้ ก็คือ

ผมต้องการใบแจ้งการปิดยอด ของ สถาบันการเงิน ทุกที่ที่ผมไปก่อหนี้ไว้ครับ


''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''' แล้วผมทำไปเพื่ออะไรละ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''

ต่อครับ

สิ่งที่ผมทำไปในครั้งนี้ ใครจะว่า ว่าผมทำเพื่อตัวเอง เพื่อลูก หรือเพื่อเมีย สุดท้ายแล้วก็เพื่อครอบครัวที่ผมรักเท่านั้นเองครับ

เมื่อหมดหนี้บัตรเครดิต ผมก็ต้องทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวต่อไปครับ นั้นก็คือ หาที่อยู่ที่กว้างขึ้น เป็นส่วนตัวมากขึ้น ใช่ครับ ผมอยากได้บ้านเป็นของตัวเองครับ ผมอยู่อพารท์เมนท์โทรมๆ มา เข้าปีที่ 8 แล้วอยู่ในห้องแคบๆ กัน 4 ชีวิต ถึงเวลาซะที ทีจะต้องออกไปผจญภัยครั้งใหม่แล้ว

ต่อครับ


ผมเริ่มต้น ตระเวนหาโครงการบ้านต่าง ๆ ทั้งดูจากในเวป บ้าง ไปตระเวนดูบ้านเองบ้าง รวมๆ แล้วไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ

แล้วผมก็ไปหยุด กับโครงการบ้านแห่งหนึ่ง ครับ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ราคา ประมาณ สามล้านห้าครับ

ผมจะต้องมีบ้านหลังนี้ให้ได้ เซลล์แมนก๋องแก๋ง ได้ให้คำสัญญากับตัวเอง และจะต้องพยายามทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้ได้


'''''แล้วจะกู้ผ่านเหรอ ตั้ง สามล้านห้า ไหนจะติดเครดิตบูโร อีกสามปี ฝันเอายังง่ายซะกว่าเลย,,,,,,,