เรื่องเล่าเมื่อเราเป็นหนี้..

เห็นหลายๆ ท่านที่ตั้งกระทู้เรื่องหนี้ แล้วรู้สึกเห็นใจ และเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นหนี้นะคะ เพราะส่วนตัว เราเองกยังคงสถานะลูกหนี้ เช่นเดียวกัน แม้อาจจะไม่มากมายเท่าหลายๆ ท่าน แต่สำหรับคนอายุ 20 ปลายๆ ทำงานราชการ อย่างเราแล้ว รู้สึกว่ามันหนักหนาเสียเหลือเกิน

เล่าย้อนไป สมัยเรียนจบใหม่ๆ ทำงานบริษัทเอกชน เงินเดือน 8000 กว่าบาท รวมค่าเบี้ยขยัน ค่าครองชีพ แล้วก็ใกล้ๆ หลักหมื่น แต่ยังไม่ถึงหมื่นนะคะ

ลืมบอกเลย เราจบกฎหมายค่ะ แต่มาทำงานเอกชน เรียนเรื่องกฎหมายหนี้ ตอนป. ตรี ก็เคยพื้นๆ ไม่ได้เข้าอกเข้าใจคนเป็นหนี้สักเท่าไหร่

จนได้มาเป็นหนี้กับตัวเองครั้งแรก ก็ตอนที่มีพนักงานมาแนะนำให้สมัครบัตรเครดิตของ Umay+ ถึงที่เลยค่ะ วิธีสมัครก็มันสะดวก และง่าย เลยทำให้เราใจง่าย สมัครไปกะเค้าด้วย ตอนนั้นเงินเดือนก็ไม่พอใช้หรอกนะคะ ไหนจะค่าเช่าหอ ค่ากินค่าอยู่ จิปาถะ ฯลฯ และเป็นประเภทเก็บเงินไม่เป็นเสียด้วย ในทุกๆ เดือนเลยต้องขอความอนุเคราะห์จากพ่อบังเกิดเกล้าอยู่ทุกเดือนไป

สมัครบัตรฯ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับการอนุมัติค่ะ ก้อนแรกได้มา 8000 บาท เท่าเงินเดือนเลย ก็ใช้จนครบวงเงินเลยเหมือนกัน ผ่อนจ่ายตอนนั้น รู้สึกจะเดือนละ 400 กว่าบาท (ยอดขั้นต่ำ) พอจ่ายไป ก็กดมาใช้ จนมีหนี้ไม่หมดไม่สิ้นเสียที

ทำงานมาปีกว่า ได้ปรับเงินเดือนขึ้น เราก็ไปขอเพิ่มวงเงินอีก คราวนี้ได้ 12000 ก็ใช้จนหมดเหมือนเดิม หลังจากนั้นเปลี่ยนมาทำงานราชการ เค้าก็ปรับวงเงินให้อีก กี่ครั้งจำไม่ได้นะคะ แต่ยอดรวมจาก 8000 มันขึ้นมาอยู่ที่ 27000 กว่าบาท รวมดอกเบี้ยฯ

เราก็ใช้ไปเรื่อยๆ แต่ก็จ่ายแต่ยอดขั้นต่ำ เดือนไหนหมุนไม่ทัน ก็ไปกดมาใช้อีก นับๆ ดู เป็นหนี้เค้ามาประมาณ 5 ปี หนี้ไม่ลดลงเลยค่ะ แต่ประวัติก็ไม่เสียนะคะ เพราะเราจ่ายตรงตลอด แต่จ่ายต่ำค่ะ (ตามส่วนสูง)

นอกจาก Umay+ แล้ว ตอนที่มีรถยนต์ ไหนจะต้องผ่อนค่างวดอีก เงินเดือนก็น้อย ขอพ่อก็ขอนะคะ แต่ก็ยังไม่พอใช้ ใช้เงินเหมือนขาดสติมาก ไม่ได้ยั้งคิดเลยตอนนั้น จากที่เป็นหนี้แค่ Umay+ อย่างเดียว ก็ลามมาถึง Aeon ด้วย

ของ Umay+ หนี้อยู่ที่ประมาณ 27000
Aeon เป็นหนี้อีก 15000
เอาเล่มทะเบียนรถมอเตอร์ไซต์ไปเข้ากับไฟแนนซ์แถวบ้านอีก 10000

อันนี้เป็นยอดของปีที่แล้วนะคะ ปี 2555 เราต้องเจียดเงินเดือนมาจ่ายหนี้ดังนี้ค่ะ
1. Umay+ เราจ่ายเดือนละ 1200 บาท
2. Aeon เดือนละประมาณ 1200 บาท
3. ไฟแนนซ์ฯ เดือนละ 1000 บาท

สรุปคือตอนนั้นต้องจ่ายหนี้ 3400 บาท ไม่รวมค่างวดรถอีกเดือนละ 8645 บาท ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เงินไม่พอใช้ จากที่เคยขอพ่อเดือนละ 2-3 พัน กลายเป็นเดือนละ 8000 (สำหรับค่างวดรถ)

มานึกขึ้นได้ มันก็เกือบจะไม่ทันแล้วเหมือนกันค่ะ เลยรวบรวมความกล้าสารภาพบาปกับพ่อเลยว่า เป็นหนี้บัตรเครดิต อยู่ประมาณ 30,000 กว่าบาท แน่ะ! บอกไม่หมดอีก -*-

พ่อเราบอกว่า ไม่จ่ายให้ ให้รอโอกาสไปจ่ายเอง แล้วจากนี้ไป ต้องคิดดีๆ ก่อนจะเป็นหนี้ใครอีก โอกาสที่พ่อเราพูดถึงก็คือ เงินภาษีที่ได้คืนจากรถคันแรก นั่นแหล่ะค่ะ เราซื้อรถช่วงในโครงการพอดีเลย

เดือน มกราคม 2556 เราได้รับเงินคืน 1 แสนบาท ปฎิบัติการจ่ายหนี้จึงเริ่มขึ้นเดี๋ยวนั้น

เราเอาเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้ของ Umay+ กับหนี้ไฟแนนซ์ ทั้งหมดก็ประมาณเกือบ 4 หมื่นบาท ส่วนหนี้ของ Aeon เรายังไม่เอาเงินไปจ่ายทั้งหมดนะคะ ตั้งใจว่ายอดหนี้ก้อนนี้ เราจะจ่ายเอง

เงินที่เหลือจากที่เอาไปจ่ายหนี้อีกประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท เราก็คืนพ่อไปค่ะ

ตอนนี้ เราผ่อนรถ ผ่อนหนี้ aeon ด้วย ก็พอถูไถไปได้บ้าง ถึงเงินเดือนจะชนเดือนบ้าง เป็นหนี้เพื่อนเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่เราก็ใช้เงินอย่างมีสติมากขึ้น อย่างเช่น ถ้ายืมเงินเพื่อน พอเงินเดือนออก เราก็ต้องรีบใช้เค้าก่อน จ่ายหนี้บัตรก่อน และก็เป็นงวดรถ มีเงินเหลือใช้ส่วนตัว ค่าทำฟัน อาจจะเหลือไม่กี่พันบาท บางเดือนเหลือใช้แค่ 2000 บาทก็มีนะคะ แต่เราก็จะบอกพ่อตรงๆ เค้าจะช่วยเหลือเราบ้าง แต่ก็จะเป็นแค่ค่ากิน ค่าน้ำมันรถ ไม่เท่าไหร่

เราตั้งใจว่า ถ้าไม่จนตรอกจริงๆ ก็จะไม่สร้างหนี้อีก ตอนนี้เหลือหนี้อิออนแค่ไม่ถึง 4 พันบาท ส่วนค่างวดรถก็เหลือประมาณ 3 ปี จะผ่อนหมด

นั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วย บอกกับตัวเองว่า ต้องวางแผนการใช้เงินให้มากขึ้น พยายามเก็บเงินให้ด้วย (ซื้อสลาก ธกส. กับออมสิน เดือนละ 500 บาท สลับกันไป)

เอาเรื่องของตัวเองมาเล่าให้ฟัง อาจจะยามไปหน่อยนะคะ ก็อยากจะเล่าแบบละเอียดหน่อยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ฝ่าฟันอุปสรรคชนะหนี้สินทั้งหลายไปได้ด้วยดีค่ะ สู้ๆ ^^Y

สู้ๆนะครับ

โอ้โห...คุณชาย Benten หายไปนานมากกกกก กลับมาคราวนี้ตอบกระทู้ได้ยาวจริง ๆ

hahaha แซวกันเองซะงั้น ก็ให้กำลังใจครับคุณ ladyblabla เขายังไม่ได้ถามอะไรครับ ไว้เดี๋ยวเขาถามจะตอบยาว hahaha

ผมหายไปจมอยู่ ไร่ นา ครับ ช่วงนี้งานไม่ชุกเลยมา กทม ได้ครับ คิดถึงทุกคนนะครับ อิอิ