ทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไปหลายใบ ถ้าหยุดจ่าย เกิดโดนฟ้อง

ทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไปหลายใบ จ่ายไป 3 รอบบิลแล้ว ไม่มีเงินจะจ่ายแล้ว
เลยหยุดจ่ายมาได้ 3 เดือน เกิดโดนฟ้องศาล ไปศาลจะทำประนีประนอมขอลดดอกอีกได้ไหมจาก15%
รึจะโดนเขาบังคับต้องจ่ายก้อนเดียวให้หมด
รึทำประนอมหนี้ที่ศาลได้แบบที่ทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไว้ครับ
รึแบงต่างๆที่ทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้ไปแล้วจะเสนอแฮคัท แบบลดน้อยๆ

รายการที่ทำปรุบปรุงโครงสร้างหนี้ไปแล้ว
กรุงศรี ดรีมโลน ดอกเบี้ย 15% ยอดเงินต้น 100000
กรุงศรีสินเชื่อ ดอกเบี้ย 15% ยอดเงินต้น 120000
กรุงศรีบัตรเครดิต ดอกเบี้ย 15% ยอดเงินต้น 50000
กรุงศรีบัตร Just cash ดอกเบี้ย 13% ยอดเงินต้น 50000 ปิดจบ 22000 ใบแรกที่เริ่มต้นปิด
Kbank บัตรเครดิต ดอกเบี้ย 20% ยอดเงินต้น 200000
TMB สินเชื่อ ดอกเบี้ย MRR 6.75 % ยอดเงินต้น 185000
City Advanceสินเชื่อ ดอกเบี้ย 10% ยอกเงินต้น 260000

ส่วนที่ยังไม่ทำและไม่คิดจะทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หยุดมาได้ 3เดือน
UOB บัตรเครดิต ยอด 130000
UOB บัตรกดเงินสด ยอด 90000
SCB speedy cash ยอด 200000
scb Credit ยอด 85000

.
ใครที่ยังไม่เข้าใจว่า Hair cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=749&Itemid=64




ความรู้ต่างๆ มีอยู่ในนี้หมดแล้ว

www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20

หลังจากปรับปรุงโครงสร้างหนี้ งดจ่ายมา 3เดือน มีแต่เจ้าหน้าที่โทรมาให้ชำระก่อนย่างน้อย 1 งวด ไม่งั้นจะส่งเรื่องต่อออกไปข้างนอก

TMB ให้ดอกถูกมากตั้งใจว่าจะจ่ายของเจ้านี้อย่างเดียว

ใครทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วหยุดจ่ายหลายเดือน เคยได้ขอเสนอแฮคัตมั้งครับ

Ebumohsu เขียน: ใครทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วหยุดจ่ายหลายเดือน เคยได้ขอเสนอแฮคัตมั้งครับ

ของผม citibank rewrite หยุดจ่ายมา 3 เดือนแล้ว ไม่มีข้อเสนอแต่อย่างใด ทวงอย่างเดียว แต่ถ้าอยากปิดลดให้ 10% ครับ 170,000 ลดไปตั้ง 17,000 อุตส่าห์จ่ายมาตั้ง 2 ปี เงินต้นลดไปหน่อยเดียวเหนื่อยที่จะจายแล้วครับ

ben10 เขียน:

Ebumohsu เขียน: ใครทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วหยุดจ่ายหลายเดือน เคยได้ขอเสนอแฮคัตมั้งครับ

ของผม citibank rewrite หยุดจ่ายมา 3 เดือนแล้ว ไม่มีข้อเสนอแต่อย่างใด ทวงอย่างเดียว แต่ถ้าอยากปิดลดให้ 10% ครับ 170,000 ลดไปตั้ง 17,000 อุตส่าห์จ่ายมาตั้ง 2 ปี เงินต้นลดไปหน่อยเดียวเหนื่อยที่จะจายแล้วครับ

ไม่ทราบว่าของคุณ ben10 หยุดจ่ายมา 3 เดือนแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าติดต่อแจ้งยังไงบ้างคะ ของเราก็ 3 เดือนแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้เสนอส่วนลดอะไร แค่บอกให้จ่ายเข้าไปก่อน 1 งวด อยากทราบว่า ทำปรับโครงสร้างแล้ว เค้าจะฟ้องเร็วมั้ย ตอนนี้เรามีทำปรับโครงสร้างอยู่ 2 ตัว คือ ซิตี้ กับ เฟิสช้อยค่ะหยุดมา 3 เดือนแล้ว หมุนจ่ายไม่ทันเลยตั้งใจว่าจะหยุด

atcharos เขียน:

ben10 เขียน:

Ebumohsu เขียน: ใครทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วหยุดจ่ายหลายเดือน เคยได้ขอเสนอแฮคัตมั้งครับ

ของผม citibank rewrite หยุดจ่ายมา 3 เดือนแล้ว ไม่มีข้อเสนอแต่อย่างใด ทวงอย่างเดียว แต่ถ้าอยากปิดลดให้ 10% ครับ 170,000 ลดไปตั้ง 17,000 อุตส่าห์จ่ายมาตั้ง 2 ปี เงินต้นลดไปหน่อยเดียวเหนื่อยที่จะจายแล้วครับ

ไม่ทราบว่าของคุณ ben10 หยุดจ่ายมา 3 เดือนแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าติดต่อแจ้งยังไงบ้างคะ ของเราก็ 3 เดือนแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้เสนอส่วนลดอะไร แค่บอกให้จ่ายเข้าไปก่อน 1 งวด อยากทราบว่า ทำปรับโครงสร้างแล้ว เค้าจะฟ้องเร็วมั้ย ตอนนี้เรามีทำปรับโครงสร้างอยู่ 2 ตัว คือ ซิตี้ กับ เฟิสช้อยค่ะหยุดมา 3 เดือนแล้ว หมุนจ่ายไม่ทันเลยตั้งใจว่าจะหยุด

มีจดหมายแจ้งยกเลิกบัญชีปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และบอกให้ชำระยอดคงค้างเต็มจำนวนภายในระยะเวลาที่กำหนดมิฉะนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

เข้าใจว่าน่าจะส่งฟ้องเลยครับ

เพิ่งหยุดเข้าเดือนที่3เช่นกัน รอลุ้นว่าจะเจออะไรต่อไป ยอดพอๆกับคุณBen10เลยคะ
มารอติดตามด้วยคนคะ

หลังจากปรับปรุง ของผมหยุดเข้าเดือนที่ 4 มีแต่โทรมาให้จ่ายก่อน1 งวด กับบางเจ้าไม่จ่ายภายในวันนี้ขอส่งเรื่องต่อครับ

วันนี้ Kbank โทรมาเสนอส่วนลดจากยอกรวมดอกเบี้ยที่ 45 % ให้แล้วครับ
แต่ให้จ่ายก้อนเดียวจบ บอกรอไปก่อนยังหาไม่ทัน
เสียดายจริงจริ๊งที่เจอเวบนี้ช้าไปหมุ่นบัตรมา 4-5ปี

TMB ส่งเอกสารไปที่อยู่ทะเบียนบ้าน จะปรับดอกเปน 28% แล้ว
หลังจากทำปรับปรุงหนี้แล้วหยุดจ่ายมา3เดือน
TMB เขาฟ้องศาลเร็วไหมครับ
ใครเคยทำประนอมที่ศาลของTMB เขาให้ผ่อนกี่เดือนครับ

ใช้วิธี Hair cut แต่เก็บเงินไม่ทันแน่ๆ ภายใน 6-12 เดือน ทำไงดี
ถ้าเกบเงินไม่ทันเขามีข้อเสนอมาก็ต้องเลื่อนจ่าย
แบบนี้คงโดนฟ้องศาลเกือบทุกใบ แล้วคงต้องทำประนอมหนี้
ประนอมเกือบทุกตัวถ้าจ่ายไม่ไหวแย่หนัก
ทำไงดี ไม่ให้โดนฟ้องศาลบางตัวก็ยังดีครับ

Ebumohsu เขียน: ใช้วิธี Hair cut แต่เก็บเงินไม่ทันแน่ๆ ภายใน 6-12 เดือน ทำไงดี
ถ้าเกบเงินไม่ทันเขามีข้อเสนอมาก็ต้องเลื่อนจ่าย
แบบนี้คงโดนฟ้องศาลเกือบทุกใบ แล้วคงต้องทำประนอมหนี้
ประนอมเกือบทุกตัวถ้าจ่ายไม่ไหวแย่หนัก
ทำไงดี ไม่ให้โดนฟ้องศาลบางตัวก็ยังดีครับ

ก็รีบทำตัวเองให้"ว่างเปล่า "เสียตั้งแต่ตอนนี้สิครับ

กฏเกณฑ์ การอายัด(ยึด)ทรัพย์สิน ภายในบ้านของจำเลย(ลูกหนี้)
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=2194&Itemid=64


หากลูกหนี้(จำเลย)ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สิน...จะเป็นอย่างไร?
debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=8746&Itemid=64




ความรู้ต่างๆ

มีอยู่ในนี้หมดแล้ว


www.debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&catid=7&Itemid=64&view=category&limitstart=0&limit=20

ขอบคุณครับพี่
เงินเดือนเกิน 40000
แถมมีผ่อนบ้านอยู่1หลัง

ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หลายๆใบคุณจะจ่ายไหวหรอค่ะ แนะนำอย่างที่ประธานชมรมบอกค่ะ อ่ายให้เยอะๆ แนวทางอยู่ในเว็ปนี้ล่ะค่ะ ขึ้นอยู่กับเราเอาไปปรับใช้ พยามเข้านะค่ะ

ขอบคุณครับ
ก่อนหน้านี้อาจเปนเหมือนหลายๆคน ไม่ทราบว่ามีเวบนี้ครับเลยทำไป
และคิดว่าจ่ายไหว
ตอนนี้หยุดจ่ายเกือบทุกใบละครับ
จ่ายแค่ TMB เพราะดอก 6% กว่า และเหนใครๆบอกว่าไปศาลไม่ลดแถมทำแฮคัท แทบไม่ให้
จ่ายอีกใบ City เพราะยอดสูงเกบเงินจ่ายแฮคัทไม่ทันกลัวโดนฟ้องและดอก10% เลยคิดว่ารอทำแฮคัทแบงอื่นก่อนครับ

ของเราทำปรับโครงสร้างเฟริสช้อยและซิตี้แบงค์ ตอนนี้จะเข้า 5 งวดแล้วค่ะ ล่าสุดเมื่อวานทางเฟริสช้อยส์โทรมาแจ้งให้ชำระ 1 งวดขั้นต่ำ เราเลยงองถามไปว่าถ้าเราจะปิดจะมีส่วนลดอะไรให้มั้ย เจ้าหน้าที่เลยแนะนำให้จ่ายเข้าไปซัก 2-3 งวดก่อน ถ้าลูกค้าต้องการปิดเค้าอาจจะมีส่วนลดให้แต่ให้ได้ไม่เกิน 30% เพราะถ้าเราจะปิดตอนนี้จะยังไม่มีส่วนลดให้เพราะยังไม่เข้าเงื่อนไข เราเพิ่งทำปรับโครงสร้างหนี้ไป ยอดเราตอนนี้ประมาณ 64,000 บาทค่ะ แต่เราก็ยังลังเลอยู่นะว่าจะจ่ายเข้าไปเพื่อรักษาประวัติก่อนดีมั้ย เพราะก็ยังมีอีกหลายเจ้าที่ค้างมา 3-4 งวดแล้ว เราตั้งใจว่าจะหยุดทุกใบเพื่อรอเก็บเงินปิดบัญชีค่ะ ส่วนของซิตี้แบงค์ที่ทำปรับโครงสร้างไว้ยังไม่ว่ายังไงเลย มีแต่โทรมาให้ชำระเข้าไปขั้นต่ำ 1 งวดก่อน

วันนี้บริษัททวงหนี้ดินๆไรสักอย่าง ของสินเชื่อ City Bank เข้ามาทวงถึงออฟฟิส เราเลยบอกไปว่ามาถึงออฟฟิสไม่ติดต่อมา มาแบบนี้ผิดกฏหมายนะครับ ถ้าครั้งหน้ามาอีกผมเอาเรื่อง มาแจ้งยอดถามว่าชำไรงาดหนึงก่อนได้เมื่อไหร่ มาเพื่อให้กลัวแต่เราเฉยๆ

Ebumohsu เขียน: วันนี้บริษัททวงหนี้ดินๆไรสักอย่าง ของสินเชื่อ City Bank เข้ามาทวงถึงออฟฟิส เราเลยบอกไปว่ามาถึงออฟฟิสไม่ติดต่อมา มาแบบนี้ผิดกฏหมายนะครับ ถ้าครั้งหน้ามาอีกผมเอาเรื่อง มาแจ้งยอดถามว่าชำไรงาดหนึงก่อนได้เมื่อไหร่ มาเพื่อให้กลัวแต่เราเฉยๆ

มีเจ้าหนี้ไปตามถึงออฟฟิศเลยหรอคะ

ข้อ 4. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 หนี้ ลักษณะ 2 สัญญา หมวด 1 ก่อให้เกิดสัญญา หมวด 2 ผลแห่งสัญญา มีพื้นฐานมาจากเสรีภาพของบุคคล ตามหลักของความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา ซึ่งรัฐจะไม่เข้าแทรกแซงแม้ว่าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งจะได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเป็นการต้องห้ามโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้มีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าถือโอกาสอาศัยหลักดังกล่าวเอาเปรียบคู่สัญญาซึ่งอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจด้อยกว่า ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม เพื่อแก้ไขความไม่เป็นธรรมและความไม่สงบสุขในสังคม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงได้มีบทบัญญัติหมวด 4 เลิกสัญญา เป็นบทบัญญัติที่กำหนดเพื่อความสงบสุขของสังคม อันเป็นบทบัญญัติลดทอนหลักความศักดิ์สิทธิ์ของการแสดงเจตนา ดังนี้ มาตรา 386 ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมีสิทธิเลิกสัญญาโดยข้อสัญญาหรือโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การเลิกสัญญาเช่นว่านั้นย่อมทำด้วยแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนี่ง การแสดงเจตนาดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ท่านว่าหาอาจจะถอนได้ไม่ มาตรา 387 ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกำหนดระยะเวลาพอสมควร แล้วบอกกล่าวให้ฝ่ายนั้นชำระหนี้ภายในระยะเวลานั้นก็ได้ ถ้าและฝ่ายนั้นไม่ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ไซร้ อีกฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม แต่ทั้งนี้จะให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของบุคคลภายนอกหาได้ไม่ วรรค 4 การใช้สิทธิเลิกสัญญานั้นหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ มาตรา 222 การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น มาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ฯ ตามสัญญาให้สินเชื่อ ทีเอ็มบี แคชทูโก สำเนาเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 5 ข้อ 6. เหตุผิดนัด หากมีเหตุการณ์ใดต่อไปนี้ซึ่งเรียกว่า “เหตุผิดนัด” ธนาคารมีสิทธิ์ที่จะแจ้งต่อผู้กู้ว่า หนี้ทั้งหมดตามสัญญานี้ถึงกำหนดชำระโดยพลัน ผู้กู้จะต้องชำระต้นเงินสินเชื่อ ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายใดๆ ตามสัญญานี้แก่ธนาคารโดยทันที ข้อ 6.1 ผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระเงินจำนวนใดๆ ที่กำหนดหรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือภาระผูกพันของผู้กู้ตามสัญญานี้ จำเลยขอให้การว่า การที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ และโจทก์ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว โจทก์จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม วรรค 4 การใช้สิทธิ เลิกสัญญาหากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายได้ มาตรา 222 การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ตามคำฟ้องข้อ 3 โจทก์อ้างว่า การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมมีความรับผิดที่จะต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่โจทก์จำนวน 536,101.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 28 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 486,896.50 บาท นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2560 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ คำนวณดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 79,184.04 บาท รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 615,285.89 บาท และขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 28 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยขอให้การว่า การเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 28 ต่อปี หลังจากสัญญาเลิกแล้ว ไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น ตามมาตรา 222 แต่เป็นกำไรที่สูงมาก ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบุคคลธรรมดา ของธนาคารพาณิชย์ ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 4 ธนาคารทหารไทย กำหนดให้ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน แก่ผู้ฝากเงิน อัตราร้อยละ 0.75 ถึง 1.00 ต่อปี ถ้าคิดดอกเบี้ยหลังสัญญาเลิกแล้ววันที่ 30 มกราคม 2560 ในอัตราร้อยละ 28 ต่อปี หักด้วยต้นทุนเงินฝากประจำ 12 เดือน อัตราสูงสุดร้อยละ 1 ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ 27 ต่อปี (28 ลบ 1 เท่ากับ 27) เมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนเงินฝากประจำสูงสุดร้อยละ 1 ต่อปี โจทก์มีกำไรขั้นต้นอัตราร้อยละ 2,700 ของต้นทุนเงินฝากประจำ (27 หาร 1 คูณ 100 เท่ากับ 2,700) เป็นกำไรขั้นต้นที่สูงเกินส่วนเป็นอันมาก จึงไม่ใช่ค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 ข้อ 5. ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 113/2547 สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 5 พิพากษาโดยท่านไพโรจน์ วายุภาพ ท่านปัญญา ถนอมรอด ท่านวรนาถ ภูมิถาวร วางหลักกฎหมายในเรื่องเบี้ยปรับไว้ในหน้า 1 วรรค 2 ว่า ส่วนการคิดดอกเบี้ยหลังจากที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้น ตามสัญญากู้เงิน ข้อ 4 ระบุถึงอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ให้คิดในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่ระบุในสัญญาข้อ 2 ซึ่งหมายถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสำหรับลูกค้าที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศธนาคารโจทก์ และในกรณีที่มีการผิดนัดแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยซึ่งปฏิบัติผิดเงื่อนไขแล้วในอัตราผิดนัดสูงสุดสำหรับลูกค้าปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศธนาคารโจทก์ได้ โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย จึงไม่ตกเป็นโมฆะ แต่การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูง อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 ซึ่งหากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ก็มีอำนาจพิพากษาลดเบี้ยปรับลงเหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตามมาตรา 383 และในหน้า 5 วรรค 2 เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินรายนี้แล้ว เห็นว่า อัตราดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามที่ระบุในสัญญากู้เงินข้อ 4 ที่กำหนดไว้เป็นอัตราผิดนัดสูงสุดตามประกาศธนาคารโจทก์ ซึ่งนับว่าเป็นอัตราสูงมาก เช่น บางช่วงอัตราร้อยละ 19 ต่อปี และบางช่วงสูงถึงร้อยละ 24 ต่อปี นับว่าเป็นเบี้ยปรับในลักษณะดอกเบี้ยที่สูงเกินส่วนไปมาก เห็นสมควรลดลงเหลือเพียงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี เท่านั้น ฯ (ไพโรจน์ วายุภาพ ปัญญา ถนอมรอด วรนาถ ภูมิถาวร)
หมายเหตุ ท่านปัญญา ถนอมรอด ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2549
ท่านไพโรจน์ วายุภาพ ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2554 (คำพิพากษาฎีกาปี พ.ศ. 2547 ตอนที่ 4 หน้า 539-550 จัดพิมพ์โดยเนติบัณฑิตยสภา)
จำเลยขอให้การตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 113/2547 ดังกล่าวข้างต้นว่า ตามคำฟ้องข้อ 2. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงิน สินเชื่อ ทีเอ็มบี แคชทูโก กับโจทก์ โจทก์ได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 700,000 บาท ให้แก่จำเลย คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15.99% ต่อปี สำหรับ 4 เดือนแรก หลังจากหลังจากนั้น ซีพีอาร์ (CPR+2) เท่ากับ 20.00 ต่อปี จำเลยตกลงผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ เป็นงวดรายเดือนจำนวน 60 งวด งวดละ 18,550 บาท งวดแรกเริ่มเริ่มชำระในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 และจะต้องชำระงวดต่อ ๆ ไปในทุกวันที่ 25 ของเดือนถัดไป ตามคำฟ้องข้อ 3. จำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์ตามฟ้องข้อ 2. แล้ว จำเลยได้ประพฤติผิดสัญญา กล่าวคือ จำเลยไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนตามสัญญา ซึ่งปรากฏยอดหนี้ ณ วันที่ 30 มกราคม 2560 จำเลยค้างชำระหนี้แก่โจทก์ แยกเป็นต้นเงิน 486,896.50 บาท ดอกเบี้ยจำนวน 48,905.35 บาท ค่าธรรมเนียมชำระหนี้ล่าช้า 300 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 536,101.85 บาท การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมมีความรับผิดที่จะต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระแก่โจทก์จำนวน 536,101.85 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 28 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 486,896.50 บาท นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2560 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ คำนวณดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 79,184.04 บาท รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงินจำนวน 615,285.89 บาท รายละเอียดปรากฏตามตารางคำนวณดอกเบี้ยซึ่งเป็นรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีสินเชื่อ เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 6 จำเลยขอให้การว่า การกำหนดให้โจทก์คิดดอกเบี้ยสูงมากถึงร้อยละ 28 ต่อปี อันเนื่องมาจากการที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ อันเป็นการผิดสัญญา เท่ากับเป็นข้อสัญญาที่กำหนดค่าเสียหายในลักษณะเป็นดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้า อันถือเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 หากศาลเห็นว่าสูงเกินส่วนก็มีอำนาจพิพากษาลดเบี้ยปรับลงเหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามมาตรา 383 ในหน้า 5 วรรค 2 เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินรายนี้แล้วเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดตามที่ระบุในสัญญาที่กำหนดไว้เป็นอัตราผิดนัดสูงสุดตามประกาศธนาคารโจทก์ เป็นอัตราสูงมากถึงร้อยละ 28 ต่อปี นับว่าเป็นเบี้ยปรับในลักษณะดอกเบี้ยที่สูงเกินส่วนไปมาก จำเลยกราบขอประทานศาลท่านได้โปรดเมตตา เพื่อให้โอกาสจำเลยสามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ เงินที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์มา 700,000 บาท จำเลยนำไปประกอบธุรกิจ ทำให้มีรายได้มาชำระหนี้โจทก์ แต่ต่อมาเศรษฐกิจประเทศไทยฝืดเคืองมากทำให้ไม่สามารถขายสินค้าได้ จึงไม่มีเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ ข้อ 6. ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2560 สำเนาเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 6 สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จำนวนบัญชีทั้งสิ้น 12.56 ล้านบัญชี ยอดสินเชื่อคงค้าง 344,318 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 28 ต่อปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยปีละ 96,409.04 ล้านบาท ถ้าคิดไปอีก 5 ปี เป็นเงินค่าดอกเบี้ยสะสม 482,045.20 ล้านบาท คิดเป็น 140% ของเงินต้น 344,318 ล้านบาท รวมแล้วเป็นยอดหนี้สินเชื่อบุคคลค้างชำระ 826,363.20 บาท ถึงวันนั้น ทุกอย่างคงจบสิ้น เพราะประชาชนผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ เศรษฐกิจประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ทุนต่างชาติเอาเงินของประชาชนผู้บริโภคไปเป็นจำนวนมหาศาล การคิดดอกเบี้ยร้อยละ 28 ปี ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2548 ถึงวันนี้ เป็นเวลา 12 ปี แล้ว คิดเป็นดอกเบี้ยที่ประชาชนผู้บริโภคต้องจ่ายมากถึง 336% (28 คูณ 12 เท่ากับ 336%) เศรษฐกิจของประเทศไทยถึงได้ฝืดเคืองมาก
ตัวอย่างคำให้การต่อสู้คดี