มาแล้วหมายศาล KTC

สวัสดีค่ะ หลังจากที่ไม่ได้เข้าเว็ปมาหลายเดือน โพล่มาอีกที..งงเลย
ได้รับหมายศาล Ktc เมื่อเดือนธันวาคม 54 นัดไกล่เกลี่ยสืบพยานวันที่ 2 ก.พ 55
ฟ้องของ บัตรเครดิตและสินเชื่อพร้อมใช้ วงเงิน 230000 บาท ต้นเงิน
อ่านข้อความของเพื่อนสมาชิก ของกรรมการ แล้วก็แล้ว จะไปปรึกษาอาจารย์ที่
สวนลุม ก็ไกลจัง (หนองบัวลำภู - กรุงเทพ )
ตอนนี้คิดไว้ ถ้าตกลงกับทนายหน้าศาลได้ก็จะดี เพราะตั้งแต่ได้รับหมายศาล
ยังไม่มีใครติดต่อมาและไม่ได้ติดต่อกับใคร เผอิญว่ามีเรื่องการทุจริตในส่วนงาน
จึงไม่มีกำลังใจ เพราะยังไม่รู้ว่าจะโดนหางไปด้วยหรือเปล่า
ใครมีประสบการณ์ในการ แชร์ด้วยนะค่ะ

อ่านกระทู้นี้หรือยังครับ....มีครบทุกรสเลย....

เปรี้ยว...หวาน...มันส์...เผ็ด...ขม....โดยเฉพาะรส ....เค็ม....

1ปี10เดือน สรุปเส้นทางปิดหนี้กอบัวทุกสถาบ​ัน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1099&Itemid=29

ลองอ่านคำฟ้องดูครับ ของผมให้ชำระพร้อมดอกเบี้ย15% ค่าธรรมเนียม 5%
รวม20%
ถ้าทำยอมทนายลดดอกให้เหลือ10%
เลยปล่อยให้ศาลตัดสิน

batk เขียน: อ่านกระทู้นี้หรือยังครับ....มีครบทุกรสเลย....

เปรี้ยว...หวาน...มันส์...เผ็ด...ขม....โดยเฉพาะรส ....เค็ม....

1ปี10เดือน สรุปเส้นทางปิดหนี้กอบัวทุกสถาบ​ัน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1099&Itemid=29

อื้อ...เขาไม่เรียกว่า "เค็ม" เขาเรียกว่า "รู้จักต่อรอง" จ๊ะ...

คุณ sonmong ลองไล่อ่านกระทู้ต่างๆดูค่ะ เจ้าหนี้รายนี้ ถ้าจ่ายงวดเดียวไม่ไหว ก็ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆได้ นิยมผ่อนแบบขั้นบันได จากน้อยไปหามาก
ประเมินตัวเองดูค่ะว่า จ่ายได้เดือนเท่าไหร่ หรือถ้ามีเจ้าหนี้หลายรายรอคิวฟ้อง ถ้าทำยอมไปคิดแล้วเกิน 30% ของเงินเดือน ปล่อยอายัดได้ไหม?
เหตุปัจจัยแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ลองคุยกับเจ้าหนี้ดูก่อนว่า เขามีข้อเสนออะไรบ้าง
เรื่องหนี้คุณ sonmong ผ่านมาได้ขนาดนี้แล้ว อย่าพึ่งท้อนะคะ
เรื่องงาน บัวก็พึ่งจะโดนตั้งกรรมการสอบสวน ผ่านมาได้แบบ เครียดลงกระเพาะอยู่หลายวัน
อย่าไปคิดปะปนกัน คิดทีละเรื่อง ทำให้ดีที่สุด แค่ไหนแค่นั้น
บัวหวังว่า เรากัดฟันมาได้ขนาดนี้แล้ว ขอให้กัดฟันอีกหน่อย อีกนิด อีกนิด บอกตัวเองนะคะ ว่าเราจะสู้เพื่อลูก ถ้าเราไม่สู้แล้ว ลูกๆจะทำอย่างไร
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

เมื่อมีคำพิพากษาแล้ว ขั้นตอนนี้คงเป็นช่องทางที่ลูกหนี้จะเลือกจ่ายหนี้ด้วยวิธีใด ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันบ้างตามรายละเอียดของลูกหนี้และทรัพย์สินของลูกหนี้
1.กรณีลูกหนี้มีเงินเดือนสูง ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เนื่องจากถ้าลูกหนี้ยอมให้เจ้าหนี้อายัดเงินเดือน ก็จะเป็นเงินจำนวนที่สูง เพราะเจ้าหนี้จะสามารถอายัดเงินเดือนได้ 30% จากเงินเดือน
2.กรณีลูกหนี้มีทรัพย์สินจำนวนมาก ลูกหนี้ควรจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอส่วนลดและปิดบัญชี เพราะถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะบังคับคดีจากทรัพย์สิน โดยทำการยึดทรัพย์และขายทอดตลาด
3.กรณีลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและไม่มีทรัพย์สิน ตรงนี้ลูกหนี้ก็จะได้รับประโยชน์ในการเจรจา เพราะเมื่อเจ้าหนี้ไปสืบทรัพย์แล้วพบว่าลูกหนี้ไม่มีเงินเดือนและทรัพย์สินอื่นๆ คาดว่าน่าจะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้ว การเจรจาขอส่วนลดและปิดบัญชี เจ้าหนี้น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งการเจรจาในลักษณะนี้ อาจจะสามารถลดหนี้ได้มากกว่า 50% ส่วนถ้าลูกหนี้ไม่ดำเนินการอะไรก็จะไม่ถูกบังคับคดีเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินใดๆ ให้ยึด แต่จะมีติดเพียงประวัติในเครดิตบูโร หรือที่เรียกว่า black list เท่านั้น

ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและแนะนำ ยอมรับอ่านทุกกระทู้
ทำความเข้าใจแล้วค่ะ ตอนนี้ก็เหลือแต่ตั้งสติให้ดี ไม่รู้ไปศาลแล้ว
จะมีสติเหมือนที่จะตั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่คิดว่าจะเจรจากับทนายก่อน
คิดว่าจะจ่ายรายเดือน ถ้ามากไปก็คงให้ศาลท่านตัดสิน ถ้าเหมือนกับ
เหน่งนนท์ ลดดอก 10% ได้ก็น่าจะดี
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำ