HSBC เหมือนจะเอาเปรียบ

สอบถามนะคะ ดิฉันเป็นหนี้บัตรเครดิตของ HSBC และได้มีการประนอมหรี้ก่อนขึ้นศาลและทำสัญญาการผ่อนชำระเป็นงวดๆ งวดละเท่าๆกัน คือ บัตรละ 1550 บาท ทั้งบัตรมาสเตอร์และบัตรวีซ่า ระยะเวลาการผ่อนชำระมาก็นานพอสมควร แต่มีบางเดือนที่ผ่อนชำระไม่เต็มจำนวนบ้างเพราะติดขัดเรื่องเงิน แต่ก็ไม่ได้เพิกเฉยยังผ่อนชำระตรงทุกเดือน จนมาล่าสุด เมื่อเดือน มิย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายของ HSBC แจ้งว่าเดือน สค.55 นี้ จะครบกำหนดค่างวดกับแบงค์แล้ว ดิฉันก็เลยถามเจ้าหน้าที่ไปว่ารบกวนเช็คให้หน่อยว่ายอดคงค้างกับแบงค์เป็นเงินเท่า และถ้าชำระงวดสุดท้ายหมดแล้วต้องจ่ายเท่าไหร่ เจ้าหน้าก็เช็คและบอกว่าทาง HSBC ส่งข้อมูลมาว่าดิฉันมียอดคงเหลือกับแบงค์เป็นยอดหนี้ทั้งสิ้น 17,900 บาท ที่เหลือเยอะเพราะว่ามีการชำระไม่ครบจำนวนในบางงวด ดิฉันรับได้และเมื่อวันที่ 21 กค.55 ดิฉันก็ไปหาเงินมา 10,000 บาท เพื่อตัดยอดไปก่อน ส่วนต่างที่ต้องจ่ายอีก 7900 บาท ในวันที่ 21 สค.55 นี้ เพื่อทำการปิดหนี้กับ HSBC แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้เจ้าหน้าโทรมาแจ้งทางแบงค์ขอยกเลิกสัญญาตัวเก่าของดิฉัน เหตุผลคือ เปลี่ยนจากแบงค์ HSBC มาเป็นแบงค์กรุงศรี จึงคิดในเรทใหม่ของบัตรวีซ่า ดิฉันมียอดค้าง 20,000 กว่าบาท ส่วนบัตรมาสเตอร์ยังไม่แจ้งยอดมา ดิฉันเลยต่อว่าทางแบงค์ว่าใหนคุณแจ้งว่าฉันมียอดหนี้เหลือ 7900 บาท ก็จะจบสัญญา แต่ทำไมมาเปลี่ยนแบบนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าจะให้หัวหน้าอธิบายให้ดิฉันทราบ จึงอยากขอความช่วยเหลือค่ะดิฉันควรจะทำอย่างไรดี เพราะถ้าให้เริ่มทำสัญญาจ่ายใหม่อีกคงไม่ไหวแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาให้ HSBC อีกแล้วค่ะ ทุกวันนี้แต่ละเดือนเหลือเงินกินไม่เท่าไหร่ ค่าห้อง และดิฉันก็มีหนี้นอกระบบด้วยนะคะที่ต้องกู้นอกระบบเพราะว่าบางเดือนมันติดค่ะ ขอความกรุณาให้คำแนะนดิฉันด้วยนะคะ
(เหมียว)
xxx-xxx-xxxx
ขอโทษด้วยนะคะที่คำถามยาวมากเลยค่ะ

หนังสือประนอมหนี้ไม่แน่ใจว่ายังอยู่หรือเปล่าค่ะ บิลที่จ่ายมา 3 ปีกว่า ก็ทิ้งไปแล้วเหลืออยู่ไม่กี่งวดสุดท้ายนี้เองค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นเลยไม่ได้เก็บไว้ทั้งหมดค่ะ
ขอบคุณนะคะ

มีหลักฐานยังเหนื่อย แต่คุณกลับทิ้งสิ่งที่มีค่าไป
แล้วจะเอาอะไรอ้างอิงค่ะ เจ้าหน้าที่คนๆนั้นคือใครที่บอกกับ
คุณไว้ ไม่รู้ ไม่มีชื่อ จะเอามาอ้างอิงก็ไม่ได้

การทำสัญญาประนอมหนี้ คือการรับว่ามีหนี้ตามสัญญาใหม่
และรับที่จะจ่ายตามที่ตกลง ถ้าผิดข้อตกลง เจ้าหนี้จะถือว่า
สัญญาเป็นโมฆะก็ย่อมได้ค่ะ

ทำสัญญาใดๆ ควรทำด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่เพราะความ
กลัว หรือ ทำๆไปให้จบๆ แต่เรื่องมันไม่จบ เพราะคุณไม่ปฏิบัติ
ตามเงื่อนไข การจ่ายงวดต้องเท่ากับจำนวนที่ตกลงทุกครั้ง
แต่อนุโลมกรณีแบ่งจ่ายมากกว่า 1 งวดภายใน 1 เดือนค่ะ
หรือกรณีเราติดต่อกับเจ้าหนี้ก่อนชำระงวดต่อไปว่า เราประสบ
ปัญหาขอผ่อนผัน แล้วขอเจ้าหนี้ออกหนังสือรับรองมาใหม่ว่า
ยินยอม ไม่ใช่ทางวาจาเท่านั้นค่ะ

การไม่มีหลักฐานอะไรเลย แล้วจะใช้อะไรไปผูกมัดเจ้าหนี้ให้
ทำตามคุณได้ค่ะ

ถ้าเขาจะฟ้อง ก็ปล่อยเขาฟ้องไปตามระบบค่ะ แล้วไปไกล่เกลี่ย
ทีหลังค่ะ เสียดายเงินที่จ่ายไปค่ะ การเก็บเอกสารไว้มันคงไม่
เกะกะรำคาญตามาก ไม่ใช่ไหรือค่ะ

แต่ถ้าฟ้องไปแล้วแต่ตกลงกันได้ก่อนขึ้นศาล คุณได้รับใบถอนฟ้องหรือยังค่ะ

ขอเสริมเพิ่มเติมในกรณีที่น้อง อนาคินแนะนำ
ถ้าคุณเก็บบิลครบ เราสามารถสู้ หากเรื่องนี้ขึ้นไปถึงศาล ในกรณีเจ้าหนี้มันจะฟ้องคุณอีก
แต่อ่านจากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพลาดอย่างมากตรงที่ "จ่ายก่อนโดยไม่มีใบแฮร์คัท"
มันเหมือนกันไหม? ตรงกรณีจ่ายประนอมมาตลอด แล้วจะเอาไปทำไมใบแฮร์คัท
ก็มันจะได้เป็นตัวยืนยันยอดสุทธิ หรือยอดล่าสุดว่า คุณมีหนี้คงค้างกับมันเท่าไหร่
พอมันบอกว่า เหลือ 17,900 บาท คุณก็หอบเงินไปปิดให้มัน
คุณขาดความรอบคอบ ไม่มีบิลเก่ายืนยันว่ายอดจ่ายไปถึงไหน ยอดปัจจุบันก็ได้ยินแต่จากปากของมัน
คุณคิดก่อนจ่ายหรือเปล่าว่า จะจ่ายให้เขาสองงวด งวดแรกหมื่นถ้วน งวดต่อมา 7,900 บาท
แล้วทำไมไม่ขอใบยืนยันการปิดยอดตรงนี้ จ่ายก่อนทำไม
สัญญาจากฝั่งเจ้าหนี้ไม่มี คุณจะได้แต่สัญญาลม เอาอะไรมาเป็นหลักฐานในการชำระหนี้แล้วจะจบ

มาหาข้อดีกัน...โทรคุยกับเขาอีกว่า จ่ายไปแล้ว 10,000 ถ้วน บิลยังคงเก็บเอาไว้
คุยกับเขาหลายๆรอบว่า อยากปิดจบ แต่จะให้ปิดจบที่สองหมื่น เราไม่ไหว
ขอส่วนลดได้ไหม ทางคุณก็จะได้หนี้คืน อาจจะจ่ายอีกงวดเพียงหมื่นเดียว เพราะจะให้ปิดที่ 7,900 มันยาก เพราะหมูเข้าปากหมาไปแล้ว มันมีสิทธิ์ที่จะไม่คายออกมา
แต่เครือจีอี ส่วนลดค่อนข้างใช้ได้ ต้องลองขอความเห็นใจ แสดงเจตนาในการชำระหนี้ คุยบ่อยๆ อย่าถอดใจและยอมแพ้ง่ายๆ เราอยากใช้หนี้ ย้ำกับเขาบ่อยๆ
เราสอนตลอดเวลาว่า ไม่มีสัจจะในหมู่เจ้าหนี้ ไม่มีใบยืนยันส่วนลด ห้ามจ่าย
นับจากนี้หากจะตกลงอะไรกับเจ้าหนี้ ขอเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น