Haircut หรือ Refinance

ดิฉันคิดว่าจะเอารถยนต์ที่บ้านที่เพี่งจะผ่อนหมดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 ไป Refinance อีกครั้งนึง โดยจะเอาเงินมาปิดบัตรกดเงินสด และสินเชื่อบุคคล จึงขอเรียนปรึกษาว่าทำแบบนี้กับการ Har Cut อย่างไหนเหมาะสมกว่ากันค่ะ
รายละเอียดการเป็นหนี้มีดังนี้
หนึ้ที่เป็นชื่อของดิฉัน
1. Aeon สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 12,460.72
2.K-Express บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 28,500 (เฉพาะต้น เพราะดอกเบี้ยฟรี 0 % 2 เดือน)
3.Power Buy สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 2,058.66
4.Citibank Ready สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 136,587.95
5.First Choice บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 21,738.83
6.CIMB สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 2,762.54
7.KTC บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 24,230.59
8.Speedy Cash บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 31,084.33
9.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 61,886
10. Citibank Credit (ผ่อนประกันภัยรถยนต์ 0 % 10 เดือน) จำนวนเงิน 11,000
หนี้ที่เป็นชื่อของพี่สาว
1. First Choice บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 40,000
2.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 58,721.95
3.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 16,000
หนี้ที่เป็นชื่อของแม่
1.Aeon หยุดจ่ายตั้งแต่เดือน มีนาคม 2555 แต่ก่อนหน้านี้ได้ทำประนอมหนี้กับทางบริษัทฯไปแล้วซึ่งให้ส่งค่างวดเดือนละ 1,700 บาท แต่เมื่อส่งไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่ของมันก็โทรมาว่าจ่ายแต่ดอกก่อนก็ได้คือเดือนละ 600 จ่ายไปนานเข้าเงินต้นลดยังไม่ถึงร้อยต่อเดือน ก็เลยหยุดจ่าย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 จำนวนเงิน ณ ปัจจุบันประมาณ 45,889 (เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 ได้โทรไปสำนักงานกฎหมาย ACS ขอลดยอดเพื่อจะปิดบัญชี มันบอกว่าลดให้ 1,300 บาท ก็เลยบอกไปว่าน้อยเกินไป ไม่มีเงินมาปิดให้หรอก มันก็เลยบอกว่างั้นมันจะส่งฟ้อง ก็เลยบอกงั้นทำตามระบบคุณไปก็แล้วกัน มันก็เลยบอกเราว่าถึงขึ้นศาลยังไงเราก็ต้องจ่ายให้มันเต็มตามที่มันยื่นฟ้อง
1. ขอสอบถามถ้าขึ้นศาลแล้วจริงๆๆๆ จำนวนเงินที่มันฟ้องนั้นถ้าศาลตัดสินจะเป็นจำนวนเงินที่คงที่ใช่ไหมค่ะ หรือว่ามีค่าปรับค่าดอกเบี้ยอะไรอีก
2. และอีกอย่างสามารถผ่อนชำระเป็นรายเดือนได้ไหมค่ะ หรือมันจะฟ้องเรียกเก็บเราทีเดียวเป็นก้อน ทรัพย์สินของแม่ตอนนี้ที่เป็นรถยนต์ก็ได้โอนเปลี่ยนชื่อให้กับพี่ชายไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะใช้สิทธิ์ตรงนี้ในการแก้ต่างได้ไหมว่าเป็นหนี้ก่อนโอนเปลี่ยนชื่อ
3. และแม่จดทะเบียนสมรสกับพ่อ ที่ดินที่เป็นมรดกของพ่อถือว่าเป็นทรัพย์สินของแม่ด้วยหรือเปล่ามันสามารถทำการยึดได้ไหม
** เงินที่เป็นหนี้ทุกบาททุกสตางค์ก็เกิดจากการใช้จ่ายในครอบครัว**
รวมแล้วเป็นหนี้ประมาณ 490,000 บาท
ถ้าเอารถยนต์ไป refinance ก็จะได้เงินประมาณ 450,000 ดอกเบี้ยที่เขาแจ้ง 4.25 % ต่อปี ซึ่งถูกกว่าบัตรมาก และผ่อนเดือนละประมาณ 10,000 บาท จำนวน 60 งวด
อีกอย่างพ่อมีที่ดินแต่เป็นที่ตาบอด (ติดจำนองอยู่ส่งเดือนละประมาณ 7,500 ) ราคาประเมิน 200,000 ต่อไร่ มีจำนวน 5.8 ไร่ พ่อบอกว่าอยากขายแต่จะขายไร่ละ 250,000 แบ่งขาย 4 ไร่ ราคาประมาณนี้โอเคไหมค่ะ (แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครซื้อเลยค่ะ 555)

ดิฉันคิดว่าจะเอารถยนต์ที่บ้านที่เพี่งจะผ่อนหมดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 ไป Refinance อีกครั้งนึง โดยจะเอาเงินมาปิดบัตรกดเงินสด และสินเชื่อบุคคล จึงขอเรียนปรึกษาว่าทำแบบนี้กับการ Har Cut อย่างไหนเหมาะสมกว่ากันค่ะ
รายละเอียดการเป็นหนี้มีดังนี้
หนึ้ที่เป็นชื่อของดิฉัน
1. Aeon สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 12,460.72
2.K-Express บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 28,500 (เฉพาะต้น เพราะดอกเบี้ยฟรี 0 % 2 เดือน)
3.Power Buy สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 2,058.66
4.Citibank Ready สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 136,587.95
5.First Choice บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 21,738.83
6.CIMB สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 2,762.54
7.KTC บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 24,230.59
8.Speedy Cash บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 31,084.33
9.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 61,886
10. Citibank Credit (ผ่อนประกันภัยรถยนต์ 0 % 10 เดือน) จำนวนเงิน 11,000
หนี้ที่เป็นชื่อของพี่สาว
1. First Choice บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 40,000
2.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 58,721.95
3.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 16,000
หนี้ที่เป็นชื่อของแม่
1.Aeon หยุดจ่ายตั้งแต่เดือน มีนาคม 2555 แต่ก่อนหน้านี้ได้ทำประนอมหนี้กับทางบริษัทฯไปแล้วซึ่งให้ส่งค่างวดเดือนละ 1,700 บาท แต่เมื่อส่งไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่ของมันก็โทรมาว่าจ่ายแต่ดอกก่อนก็ได้คือเดือนละ 600 จ่ายไปนานเข้าเงินต้นลดยังไม่ถึงร้อยต่อเดือน ก็เลยหยุดจ่าย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 จำนวนเงิน ณ ปัจจุบันประมาณ 45,889 (เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 ได้โทรไปสำนักงานกฎหมาย ACS ขอลดยอดเพื่อจะปิดบัญชี มันบอกว่าลดให้ 1,300 บาท ก็เลยบอกไปว่าน้อยเกินไป ไม่มีเงินมาปิดให้หรอก มันก็เลยบอกว่างั้นมันจะส่งฟ้อง ก็เลยบอกงั้นทำตามระบบคุณไปก็แล้วกัน มันก็เลยบอกเราว่าถึงขึ้นศาลยังไงเราก็ต้องจ่ายให้มันเต็มตามที่มันยื่นฟ้อง
1. ขอสอบถามถ้าขึ้นศาลแล้วจริงๆๆๆ จำนวนเงินที่มันฟ้องนั้นถ้าศาลตัดสินจะเป็นจำนวนเงินที่คงที่ใช่ไหมค่ะ หรือว่ามีค่าปรับค่าดอกเบี้ยอะไรอีก
2. และอีกอย่างสามารถผ่อนชำระเป็นรายเดือนได้ไหมค่ะ หรือมันจะฟ้องเรียกเก็บเราทีเดียวเป็นก้อน ทรัพย์สินของแม่ตอนนี้ที่เป็นรถยนต์ก็ได้โอนเปลี่ยนชื่อให้กับพี่ชายไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะใช้สิทธิ์ตรงนี้ในการแก้ต่างได้ไหมว่าเป็นหนี้ก่อนโอนเปลี่ยนชื่อ
3. และแม่จดทะเบียนสมรสกับพ่อ ที่ดินที่เป็นมรดกของพ่อถือว่าเป็นทรัพย์สินของแม่ด้วยหรือเปล่ามันสามารถทำการยึดได้ไหม
** เงินที่เป็นหนี้ทุกบาททุกสตางค์ก็เกิดจากการใช้จ่ายในครอบครัว**
รวมแล้วเป็นหนี้ประมาณ 490,000 บาท
ถ้าเอารถยนต์ไป refinance ก็จะได้เงินประมาณ 450,000 ดอกเบี้ยที่เขาแจ้ง 4.25 % ต่อปี ซึ่งถูกกว่าบัตรมาก และผ่อนเดือนละประมาณ 10,000 บาท จำนวน 60 งวด
อีกอย่างพ่อมีที่ดินแต่เป็นที่ตาบอด (ติดจำนองอยู่ส่งเดือนละประมาณ 7,500 ) ราคาประเมิน 200,000 ต่อไร่ มีจำนวน 5.8 ไร่ พ่อบอกว่าอยากขายแต่จะขายไร่ละ 250,000 แบ่งขาย 4 ไร่ ราคาประมาณนี้โอเคไหมค่ะ (แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครซื้อเลยค่ะ 555)

3. และแม่จดทะเบียนสมรสกับพ่อ ที่ดินที่เป็นมรดกของพ่อถือว่าเป็นทรัพย์สินของแม่ด้วยหรือเปล่ามันสามารถทำการยึดได้ไหม

ผมคิดว่าน่าจะเป็นสินส่วนตัวนะครับจากการที่ผมอ่านเจอและเคยสอบถามกับคุณอาไพโรจน์
อันล่างนี้ผมค้นหาจากกูเกิลครับ เพราะผมเองก็มีปัญหาเช่นเดียวกันครับ สู้ๆครับ
สินส่วนตัวนั้นได้แก่ ทรัพย์สินที่สามีหรือภรรยา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย สร้อยคอแหวนเพรช เครื่องประดับ นาฬิกาตามควรแก่ฐานะ เครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ หรือแม้แต่ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส โดยการรับมรดกหรือการให้โดยเสน่หารวมทั้งทรัพย์สินที่เคยให้กันไว้เป็นของหมั้น

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล

tamaca เขียน: ดิฉันคิดว่าจะเอารถยนต์ที่บ้านที่เพี่งจะผ่อนหมดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 ไป Refinance อีกครั้งนึง โดยจะเอาเงินมาปิดบัตรกดเงินสด และสินเชื่อบุคคล จึงขอเรียนปรึกษาว่าทำแบบนี้กับการ Har Cut อย่างไหนเหมาะสมกว่ากันค่ะ
รายละเอียดการเป็นหนี้มีดังนี้
หนึ้ที่เป็นชื่อของดิฉัน
1. Aeon สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 12,460.72
2.K-Express บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 28,500 (เฉพาะต้น เพราะดอกเบี้ยฟรี 0 % 2 เดือน)
3.Power Buy สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 2,058.66
4.Citibank Ready สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 136,587.95
5.First Choice บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 21,738.83
6.CIMB สินเชื่อบุคคล จำนวนเงิน 2,762.54
7.KTC บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 24,230.59
8.Speedy Cash บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 31,084.33
9.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 61,886
10. Citibank Credit (ผ่อนประกันภัยรถยนต์ 0 % 10 เดือน) จำนวนเงิน 11,000
หนี้ที่เป็นชื่อของพี่สาว
1. First Choice บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 40,000
2.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 58,721.95
3.Umay Plus บัตรกดเงินสด จำนวนเงิน 16,000
หนี้ที่เป็นชื่อของแม่
1.Aeon หยุดจ่ายตั้งแต่เดือน มีนาคม 2555 แต่ก่อนหน้านี้ได้ทำประนอมหนี้กับทางบริษัทฯไปแล้วซึ่งให้ส่งค่างวดเดือนละ 1,700 บาท แต่เมื่อส่งไม่ไหว ทางเจ้าหน้าที่ของมันก็โทรมาว่าจ่ายแต่ดอกก่อนก็ได้คือเดือนละ 600 จ่ายไปนานเข้าเงินต้นลดยังไม่ถึงร้อยต่อเดือน ก็เลยหยุดจ่าย ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 จำนวนเงิน ณ ปัจจุบันประมาณ 45,889 (เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 ได้โทรไปสำนักงานกฎหมาย ACS ขอลดยอดเพื่อจะปิดบัญชี มันบอกว่าลดให้ 1,300 บาท ก็เลยบอกไปว่าน้อยเกินไป ไม่มีเงินมาปิดให้หรอก มันก็เลยบอกว่างั้นมันจะส่งฟ้อง ก็เลยบอกงั้นทำตามระบบคุณไปก็แล้วกัน มันก็เลยบอกเราว่าถึงขึ้นศาลยังไงเราก็ต้องจ่ายให้มันเต็มตามที่มันยื่นฟ้อง
1. ขอสอบถามถ้าขึ้นศาลแล้วจริงๆๆๆ จำนวนเงินที่มันฟ้องนั้นถ้าศาลตัดสินจะเป็นจำนวนเงินที่คงที่ใช่ไหมค่ะ หรือว่ามีค่าปรับค่าดอกเบี้ยอะไรอีก
2. และอีกอย่างสามารถผ่อนชำระเป็นรายเดือนได้ไหมค่ะ หรือมันจะฟ้องเรียกเก็บเราทีเดียวเป็นก้อน ทรัพย์สินของแม่ตอนนี้ที่เป็นรถยนต์ก็ได้โอนเปลี่ยนชื่อให้กับพี่ชายไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะใช้สิทธิ์ตรงนี้ในการแก้ต่างได้ไหมว่าเป็นหนี้ก่อนโอนเปลี่ยนชื่อ
3. และแม่จดทะเบียนสมรสกับพ่อ ที่ดินที่เป็นมรดกของพ่อถือว่าเป็นทรัพย์สินของแม่ด้วยหรือเปล่ามันสามารถทำการยึดได้ไหม
** เงินที่เป็นหนี้ทุกบาททุกสตางค์ก็เกิดจากการใช้จ่ายในครอบครัว**
รวมแล้วเป็นหนี้ประมาณ 490,000 บาท
ถ้าเอารถยนต์ไป refinance ก็จะได้เงินประมาณ 450,000 ดอกเบี้ยที่เขาแจ้ง 4.25 % ต่อปี ซึ่งถูกกว่าบัตรมาก และผ่อนเดือนละประมาณ 10,000 บาท จำนวน 60 งวด
อีกอย่างพ่อมีที่ดินแต่เป็นที่ตาบอด (ติดจำนองอยู่ส่งเดือนละประมาณ 7,500 ) ราคาประเมิน 200,000 ต่อไร่ มีจำนวน 5.8 ไร่ พ่อบอกว่าอยากขายแต่จะขายไร่ละ 250,000 แบ่งขาย 4 ไร่ ราคาประมาณนี้โอเคไหมค่ะ (แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครซื้อเลยค่ะ 555)

ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจในเร็วๆนี้ได้ไหม รอให้คุณได้ศึกษา กระทู้ต่างๆในเวปนี้อีกนิดดีไหม

เพราะ หนี้คุณยอดไม่สูง รีไฟแนนซ์รถมาก็มีภาระอีกยาว

จะรับประกันได้ไหมว่าเคลียร์หนี้หมด 100% จริงๆ แล้วจะไม่มีเหตุอื่น

ที่ทำให้กลับไปเป็นหนี้ได้อีก เพราะรอบนี้จะมีทั้งหนี้รถและหนี้บัตรด้วย

1 . อ่านกระทู้วิธีแก้นี้ละเอียดดีแล้วใช่ไหม

2 . แล้วลองอ่านเรื่องเล่าของเพื่อนๆ ในห้องเรื่องเล่าชาวหนี้หรือยัง


หากคุณหยุดทุกตัวแล้วสามารถเก็บเงินได้เร็ว นั่นเป็นทางออกที่สั้นที่สุด

เร็วที่สุด ใช้เงินน้อยที่สุด เจ็บตัวหนักสุด ต้องศึกษาข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเอาตัวรอด

และ มีโอกาศหมดหนี้อย่างแน่นอน แต่ต้องแลกมาด้วยความอดทนสูงสุดด้วย แต่ไม่นาน


ส่วนทาง refinace นั้น คุณไม่ได้หมดหนี้ คุณแค่โยกหนี้ แล้วผ่อนอีก 5 ปี

เป็นแค่การลดภาระ ถ้าโยกไม่หมดจะมีภาระเพิ่ม จะยิ่งลำบาก

หากควบคุมรายจ่าย และจิตใจไม่ดีพอ ภายใน 5 ปี

ก็มีโอกาศกลับไปเป็นหนี้บัตรอีก คราวนี้จะเป็นหนี้ 2 ทางแทน

ทางจะสบาย ไม่ต้องศึกษาอะไร แต่ต้องใช้ความอดทนเป็นเวลานานมาก



อนาคตข้างหน้าของคุณ คุณต้องศึกษาซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้ละเอียด

ให้มั่นใจ ในแต่ละวิธีให้ดี ฟังคำแนะนำจากเพื่อนได้ แต่

คุณต้องตัดสินใจเอง คนที่รู้จัก หนี้และสถานะของคุณดีสุดคือตัวคุณเอง


โดยส่วนตัวแล้วไม่แนะนำให้ โยกหนี้ เพราะ สว่นใหญ่เห็นว่าไปไม่รอด

แถมยังกลับมาเป็นหนี้สองทาง สุดท้ายต้องทิ้งรถอีกต่างหากสำหรับบางราย

แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าไม่มีภาระตัวอื่นอีกแน่ และมีวินัยพอ กล้าตัดบัตรที่ปิดไปแล้วทิ้งหมด

ยกเลิกไม่ใช้มันอีกตลอดไปแน่นอน หนทาง refinance ก็เป็นทางออกที่ดีได้เหมือนกัน

ไม่เสียงไม่เจ็บ ถ้าเรามีวินัยกับตนเอง



ปล.อ่านเยอะๆ ก่อนตัดสินใจครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณพี่จังนะค่ะ

ดิฉันก็คิดว่าไม่สมควรทำ Refinance หรอกค่ะ แต่ด้วยเงินเดือนของดิฉันได้แค่เดือนละ 15,000 เท่านั้น เก็บได้จริงๆๆ ต่อเดือนก็คงเดือนละ 10,000 - 12,000 ต่อเดือน ส่วนรายได้ของพ่อกับแม่ก็เป็นรายได้จากการขายของซึ่งได้ไม่แน่นอน บางวันขายของกำไร บางวันเท่าทุน บางวันขาดทุน รวมๆ แล้วเดือนนึงรายได้ของท่านทั้งสองก็น่าจะอยู่ประมาณ 10,000 - 15,000 ต่อเดือนเท่านั้น แถมเงินส่วนนีี้ของพ่อกับแม่นั้นต้องเอาไปจ่ายค่าผ่อนที่ดินที่จำนองไว้ เดือนละ 7,500 ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน อีก เดือนๆๆ เงินรายได้จากพ่อกับแม่ติดลบตลอด ก็ต้องหันไปพึ่งบัตร โดยส่วนตัวดิฉันใช้เงินไม่เยอะอยู่แล้วเดือนๆ นึงก็ไม่เกิน 4,000 บาท ที่เหลือก็ไว้จ่ายบัตรตลอด ถ้าโดยลำพังเก็บเงินเองคนเดียวก็คงจะปลดหนี้ได้ยาก ที่จะตัดสินใจเอารถไปเ้ข้าก็เพราะว่า ตอนนี้รถยนต์ของแม่นั้นเป็นชื่อของพี่ชายแล้ว ถ้าเขาได้เป็นหนี้โดยเป็นชื่อเขา จะทำให้เขากระตือรือร้นในการที่จะช่วยส่งหนี้ก้อนนี้บ้าง เพราะถ้าหนึ้เป็นชื่อดิฉันยังไง เขาก็ไม่ค่อยจะช่วยเหลือซักเท่าไหร่ (รถที่ผ่อนหมดเขาก็มีส่วนช่วยในการผ่อนเดือนละ 5,000 บาท แต่เขาจะให้ในกรณีที่เขามีงานทำเท่านั้น
ถ้าเดือนไหนไม่มีงาน (เป็นงาน Freelance) ถ้าไม่มีเขาก็ไม่ให้ ก็ลำบากมาถึงฉันอีกต้องไปกดบัตรให้แม่มาใช้จ่ายอีก มันก็เลยเป็นหนี้ไม่รู้จักจบสิ้น และมีแต่จะเพิ่มขึ้น เครียดมากตอนนี้ ชื่อในบัตรก็เป็นชื่อดิฉันเกือบทั้งนั้น

สุดท้ายนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ขาดว่าจะทำยังไงดี ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จึงขอความคิดเห็นจากหลายๆๆ ท่าน ที่มีความรู้และมีประสบการณ์

ห้าปี..นานนะ...

แล้วสาเหตุของปัญหาเกิดจากอะไร...หนี้ทั้งหมด มากองรวมกันอย่างไร..?

ลองพิจารณาดูให้ดี...อย่างที่คุณพีจังตอบไว้..ชัดเจนแล้ว

ยังไม่ต้องคิดไปไกลเกินหรอก..ค่อยๆคิดดู..เอาสั้น หรือยาว..

อ่านกระทู้เก่าก่อนเลยครับมีทางออกที่สำคัญหยุดจ่ายไปทุกบัตรเลยครับ ส่วนที่ไม่ต้องขายนะครับเก็บไว้ดีกว่า

คำตอบของคุณอยู่ในนี้ ที่เราให้อ่านคุณจะได้เข้าใจ ไปที่ละขั้นตอน
หาอ่านนะครับใจเย็นๆ



ที่สำคัญกรุณาไม่ตั้งกระทู้ใหม่

ใจเย็นๆค่อยๆอ่านตามที่ คุณ chaowalert แนะนำตามกระทู้ปักหมุดก่อน เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ

สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามค่ะ

รายละเอียด : คือทางคุณแม่เป็นหนี้ Aeon ค่ะ เป็นหนี้บัตรเครดิต และได้ทำการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว
ยอดเงินประมาณ สี่หมื่นกว่า และมันให้ส่งเดือนละประมาณ 1700 แต่ส่งไปได้ไม่กี่งวด ทางเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ส่งแค่ดอกเบี้ยก่อนก็ได้ เดือนละประมาณ 600 บาท เราก็ส่งไปเรื่อยๆๆ จนคิดว่าส่งไปแบบนี้ก็คงไม่หมดซักที ต้นลดแค่ไม่กี่สิบบาทต่อเดือน ก็เลยตัดสินใจหยุดส่งเอาเงินไปจ่ายค่าน้ำประปาที่บ้านในแต่ละเดือนดีกว่า 555 และเริ่มหยุดจ่ายประมาณเดือน มีนาคม 2555 ยอดหนี้อยู่ที่บประมาณ สี่หมื่นกว่าบาท

หลังจากนั้นประมาณเดือนมิถุนายน เราโทรไปขอลดหนี้โทรไปที่สำนักงานกฎหมาย ACS ที่มันส่งแจ้งให้ชำระหนี้ตาม คือประมาณว่าให้มันทำส่วนลดเราให้ 50 % ของเงินที่เราค้างมันอยู่ทั้งหมด มันก็บอกว่าลดให้ได้แค่พันกว่าบาท เราก็เลยบอกงั้นไม่มีเงินจ่ายหรอก ทำตามขั้นตอนไป มันก็บอกว่ามันจะส่งเรื่องฟ้องศาล

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2555 มีเจ้าหน้าที่สำนักงานกฎหมาย ACS โทรมาอีก บอกว่ามันมีโครงการพิเศษให้ส่วนลดกับลูกหนี้ที่โทรไปขอส่วนลดมันซึ่งมันจะให้เราชำระเงินให้มันเป็นจำนวนเงิน 21,500 บาท เราก็เลยบอกว่าให้ทำหนังสือยืนยันยอดมา มันก็บอกว่าไม่ต้องใช้หนังสืออะไร แค่ไปจ่ายที่เคาน์เตอร์อิออนได้เลย แล้วเด๋วมันจะส่งใบเสร็จตามหลังมาให้หลังจากชำระ เราก็บอกว่างั้นก็ไม่จ่ายหรอก ต้องมีหนังสือยืนยันยอดปิดทั้งหมดมาก่อน มันก็เลยวางสายไป ให้เจ้าหน้าที่อีกคนโทรมา ซึ่งมันก็บอกว่า ถ้ามีเงินจ่ายจริง ก็สามารถทำหนังสือยืนยันยอดปิดให้ได้ แต่โครงการมันมีแค่ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2555 นี้เท่านั้น ถ้าเกินกว่านี้มันก็ไม่ลดให้และจะส่งเรื่องฟ้องศาล มันก็บอกว่ามันขอคำตอบเราภายในวันที่ 18 สิงหาคม 2555 ว่าเราตกลงที่จะจ่ายมันจริงไหม

รบกวนสอบถามค่ะ

1. ในวันที่ 18 สิงหาคม 2555 ที่มันโทรมาขอคำตอบ ถ้าเราตอบว่าเราต้องการจะจ่ายเงินปิดยอดให้มันเป็นจำนวนเงิน 21,500 ตามที่เจ้าหน้าที่คนแรกแจ้ง แล้วถ้ามันส่งหนังสือยืนยันยอดปิดมาให้จริง แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ามันไม่หมกเม็ด แล้วจะเช็คเอกสารได้ยังไง ว่าถ้าจ่ายไปแล้วเราจะไม่มียอดค้างมันแน่นอน
ต้องดำเนินการอย่างไรบ้างค่ะ

2. แล้วโครงการที่มันบอกนะ มีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วทำไมต้องมีกำหนดระยะเวลาที่สั้นๆๆ มาก ๆๆ มันน่าแปลกใจนะค่ะ รบกวนให้ข้อมูลหน่อยได้ไหมค่ะ

debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=19079&Itemid=29 หนังสือขอส่วนลดแปลกๆ รบกวนช่วยดูด้วยค่ะ จะจ่ายเพื่อปิดหนี้แล้ว
คุณไปดูในกระทู้นี้นะคะ มีตัวอย่างใบยืนยันส่วนลดของอิอ้อน
อยากบอกว่า ช่วงนี้หล่อนมาแรงจริงๆ ทวงถ่อยเหมือนเดิม
แต่ "มีส่วนลด" อะฮ้า...มีทั้งดีทั้งชั่วในคนๆเดียวกัน บร๊ะเจ้า...

ไม่ยากค่ะ ตรวจสอบใบแฮร์คัท หรือใบยืนยันส่วนลดว่า เลขที่บัตร เลขที่บัญชี สัญญาตรงไหม ชื่อเสียงเรียงนาม มีหัวบริษัทไหม มีคนรับมอบอำนาจลงนามไหม
ดูในกระทู้เพื่อนๆ เปรียบเทียบดู
ขอชมคุณตรงที่ เข้มแข็งมาก ที่ "ไม่จ่ายถ้าไม่มีใบปิดยอด"
ใบแฮร์คัทเนี้ยแหละ จะเป็นหลักฐานการชำระหนี้ของเรา (อย่าลืมเก็บบิลชำระเงินไว้ด้วยนะคะ)
แล้วเก็บเอกสารทั้งหมด ใส่แฟ้มดีๆ (ถ่ายเอกสารหลายๆชุด) เอาไว้ปลดเครดิตบูโรด้วยตัวเอง
ได้ผลยังไง อย่าลืมมาแชร์กันอีกในกระทู้เดิมนะคะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณกอบัว และทุกๆๆ คนนะค่ะ คำแนะนำทำให้ฉันเข้มแข็งและยิ้มได้ พร้อมที่จะสู้ค่ะ

ขอถามอีกค่ะ สำนักงานกฎหมาย ACS บอกว่าเขาจะโทรมาขอคำตอบว่าจะปิดยอดบัญชีจริงหรือเปล่าในวันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 18 สิงหาคม 2555) แต่มันบอกว่าโครงการมันให้จ่ายได้ภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2555 แล้วกว่าจะรอมันส่งจดหมายมาทางไปรษณีย์ ยืนยันการปิดยอดมา มันก็ต้องเกินวันที่ 20 สิงหาคม แน่ ๆๆๆ
แล้วยังงี้มันก็ต้องจ่ายเกินที่มันกำหนดอยู่แล้ว จากที่อ่านตัวอย่างในกระทู้ที่คุณกอบัวได้ link มาให้ ถ้าจ่ายเกินกำหนดที่เจรจา มันจะปรับยอดเป็นยอดเต็มจำนวนที่เราค้างมันจริงๆๆๆ

แล้วยังงี้ถ้าให้มัน mail หรือ fax จดหมายมาเอกสารส่วนนี้จะใช้ได้ไหม มีผลทางกฎหมายหรือเปล่า

แล้วเวลาไปจ่ายถ้าไปจ่ายที่ counter service ที่ 7-11 กว่ายอดจะออนไลน์ไปก็ประมาณ 1-2 วัน แล้วมันจะดูวันที่ที่เราจ่าย หรือดูจากวันที่ยอดออนไลน์เข้าไปค่ะ

คิดว่าถ้าจะทำอะไรกับพวกสถาบันแบบนี้ ต้องใช้ความระวังอย่างสูง มันหมกเม็ดเยอะ ก็เลยอาจต้องถามเยอะไปหน่อยค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ

เรียนท่านผู้มีความรู้ด้านการทำ haircut รบกวนตอบคำถามในข้อคิดเห็นที่ #19386 หน่อยค่ะ ว่าจะต้องทำยังไงเพราเด๋วจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาแล้วค่ะ

สิ่งที่จะนะนำใช้หาอ่านตามกระทู้ต่างๆ
เช่น
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=179&Itemid=2 วิธีแก้ไขหนี้ที่ทุกคนต้องอ่าน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=710&Itemid=29#719 กฏกติกามารยาทที่สมาชิกทุกท่านควรทำ
รับมือกับโทรทวงหนี้
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=1917#837สักวาว่าด้วยการทวงหนี้ของหมูสมิง
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=5&id=10438มวยคู่ยูเมะกับผม
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=6710เจ้าหนี้แรง VS ลุกหนี้ดุ Sunwhite
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&id=928&catid=2 มุขควายหลอกว่าเป็นตำรวจจากสน.ปทุมวัน
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=42332 โดนตำรวจโทรติดตามทวงหนี้ของเซเทแลมครับ
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=30121 โทรไปทวงหนี้กับแม่+อ้างว่าเป็นตำรวจ+จะติดคุก 3 ปี
www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=2&id=27240 รู้ทันนักทวงหนี้ เตรียมรับมือการทวงหนี้โหด
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1215&Itemid=29 ทวงหนี้ประจาน แบงค์ชาติพึ่งได้ - ของคุณปูเป้
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=1301&Itemid=29 อีกหนึ่ง...ใน"มุขขำๆ" ที่เอาไว้ใช้ตอบกับไอ้พวกทวงหนี้ - ของพี่นกกระจอกเทศ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=2636&Itemid=29 วิธีการทวงหนี้ 74 วิธี โดยพี่นกกระจอกเทศ
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=4428&Itemid=29 ข้อความในจดหมายทวงหนี้ แต่ชอบชื่อกระทู้นี้มากกว่า “กูอนุมัติให้มึงฟ้อง”
และมีอีกมากหาอ่านนะครับเรื่องที่คุณทำอยู่นั้นมันจะฆ่าเราที่ละน้อยๆ คุณโชคดีแล้วครับที่เจอที่นี้หมดหนี้อย่างถูกวิธี หาอ่านมากๆๆนะครับใจเย็นๆเรื่องทุกเรื่องมีทางแก้ครับ

Hair-cut คืออะไร?...กรุณาเข้ามาอ่าน
www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=749&Itemid=29

ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

ทำการ Refinance รถ แล้วเอาเงินที่ได้ไปทำการ Hair Cut... พอได้เงินมาเก็บไว้ดีๆ ห้ามใช้เด็ดขาด หนี้ที่มีก็หยุดจ่ายไปก่อน รอให้หนี้เน่ามากๆ แล้วค่อยเจรจา Hair Cut ปิดไป... น่าจะปิดหนี้ได้หมด และอาจมีเงินเหลือนิดหน่อย

เพราะเท่าที่ดูถ้าคุณมีแค่หนี้ Refinance อย่างเดียว น่าจะมีความสามารถในการชำระหนี้ไหว แต่ต้องไม่ไปสร้างหนี้อื่นเพิ่มอีกนะครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ